บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Action TRADING (Downgrade)
TP upside (downside) +10.1%
Close Jan 25, 2023 Price (THB) 74.50
12M Target (THB) 82.00
Previous Target (THB) 82.00
What’s new?
- คาด 4Q65 พลิกเป็นขาดทุนสุทธิ 381 ล้านบาท ลดลง QoQ และ YoY จากแนวโน้มต้นทุนเชื้อเพลิงยังเห็นการเพิ่มขึ้นต่อเพราะการซื้อขายที่มี Leg-time จากราคาอ้างอิง, ผลกระทบจากลูกค้าอุตสาหกรรม (IU) ปิดซ่อมบำรุงโรงงานหลายราย, ส่วนแบ่งกำไรลดลงตามปัจจัยฤดูกาล
- แนวโน้มงบ 4Q65 ไม่ดีเท่าที่เคยประเมินไว้ก่อนหน้า ทำให้ประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 ของเรามี Downside
Our view
- ระยะกลาง – ชาวเรายังชอบ GPSC จาก 1) การเติบโตแบบ Tum reunid ในปี 2566 2) ได้ประโยชน์ตาม Theme ราคาพลังงานลดลง, หุ้น Defensive, Bond Yield กำลังผ่านจุดสูงสุด 3) เป็น Flagship ด้านไฟฟ้าเครือ PTT 4) ลงทุนในพลังงานรูปแบบใหม่
- ทั้งนี้ งบ 4Q65 อาจสร้างความผิดหวังให้ตลาด ประมาณการมี Downsidio, Upside gain เริ่มไม่จูงใจ ทำให้หุ้นอาจผันผวนระยะสั้น จึงปรับลดคำแนะนำ เป็น TRADING เชิงกลยุทธ์อาจพิจารณาทำกำไรเพื่อรอจังหวะเข้าลงทุนอีกครั้งหลังรายงานงบ
GLOBAL POWER SYNERGY 4Q65 อาจไม่ดีเท่าที่คาด
คาดต้นทุนยังอยู่สูง..กดดัน 4Q65 อาจไม่ดีเท่าที่เคยประเมินไว้
สำหรับ 4Q65 แม้ราคาจำหน่ายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้า SPP ให้ลูกค้าอุตสาหกรรมจะเพิ่มขึ้นตามการรับรู้ค่า Ft งวดเดือนก.ย. – ธ.ค. ที่ระดับ 93.43 สตางค์/หน่วย เต็มไตรมาส (เทียบกับ 3Q65 ที่รับรู้ค่า Ft เฉลี่ยเพียง 47.66 สตางค์/หน่วย เพราะรับรู้เพียง 1 เดือน) อย่างไรก็ตาม เราประเมินว่าผลประกอบการ 4Q65 อาจพลิกเป็นขาดทุน 381 ล้านบาท (เทียบกับกำไร 331 ล้านบาท ใน 3Q65 และกำไร 1.2 พันล้านบาทใน 4Q64) โดยหากเทียบกับ 3Q65 คาดต้นทุนเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ และถ่านหินอาจเพิ่มขึ้นระดับ 5-20% เพราะโครงสร้างการซื้อขายที่มี Lag-time จากราคาอ้างอิงในตลาดโลก, ความต้องการใช้ไฟฟ้า และไอน้ำจากลูกค้าอุตสาหกรรม (IU) จะลดลงตามแผนปิดซ่อมบำรุงของลูกค้าหลายราย เช่น กลุ่มพลังงาน – ปิโตรเคมี ในเครือ PTT, ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนลดลง โดยเฉพาะตามปัจจัยฤดูกาลของโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในประเทศลาว, อัตรค่าไฟฟ้าได้รับผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่า
ประมาณการปี 2565 มี Downside
หาก 4Q65 เป็นไปตามคาด ประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 ของเราที่ 3.0 พันล้านบาท จะมี Downside อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากกำไร 9M65 คิดเป็นเพียง 45% และคาดการณ์ปี 2565 ของเราอยู่บนความคาดหวังต่อการฟื้นตัวใน 4Q65
ปี 2566 ยังเชื่อในแนวโน้มการฟื้นตัวที่ดี
เรายังคงมุมมองบวกต่อทิศทางผลประกอบการปี 2566 ว่าจะเห็นการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญเป็น 5.7 พันล้านบาท ซึ่งนับเป็นการเติบโตแบบ Turnaround ครั้งแรกในรอบ 2 ปี หนุนด้วย 1) การฟื้นตัวของ Margin การจําหน่ายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้า SPP ตามการปรับขึ้นค่า Ft โดยงวดเดือนม.ค. – เม.ย. 2566 จะเรียกเก็บที่ 154.92 สตางค์/หน่วย (+61.49 สตางค์/หน่วยจาก 4Q65) ซึ่ง Sensitivity ทุก 1 สตางค์จะส่งผลต่อกำไร 63 ล้านบาท/ปี 2) ต้นทุนเชื้อเพลิงทั้งถ่านหิน – ก๊าซธรรมชาติต่ำลง YoY ตามสถานการณ์อุปทานขาดแคลนพลังงานที่เริ่มคลี่คลาย และการเร่งผลิตก๊าซในอ่าวไทยที่มีราคาต่ำ 3) รับรู้กำลังผลิตไฟฟ้าจากโครงการที่ COD ในปีก่อนเต็มปี เช่น Avaada และ Glow Energy Phase 2 4) รับรู้เงินเคลมประกันภัย
สะดุดระยะสั้น…ลดคำแนะนำเป็น TRADING รอจังหวะลงทุนอีกครั้งหลังรายงานงบ
ราคาหุ้น +21% ภายใน 3 เดือน Outperform SET ที่ +5% สอดคล้องการเพิ่มน้ำหนักลงทุนของเราในช่วงที่ ผ่านมา แม้ในระยะกลาง – ยาวเรายังชอบ GPSC ในแง่การฟื้นตัวของผลประกอบการปี 2566, เป็นตัวเลือกการลงทุนที่ดีช่วงเศรษฐกิจผันผวน และได้ประโยชน์จากผลตอบแทนพันธบัตรกำลังผ่านจุดสูงสุด, การเติบโตระยะยาวที่น่าสนใจจากการเป็น Flagship ด้านสาธารณูปโภคของเครือ PTT และมีการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน – แบตเตอรี่ อย่างไรก็ตาม 1) ผลประกอบการ 4Q65 และ Reliability ของโรงไฟฟ้า อาจสร้างความผิดหวังให้ตลาด 2) ประมาณการปี 2565 เกิด Downside risk 3) Upside gain เริ่มไม่จูงใจ เทียบกับราคาเหมาะสม 82.00 บาท จากเหตุผลข้างต้นเรามองว่าหุ้นมีความเสี่ยงผันผวนระยะสั้น จึงปรับลดคำแนะนำเป็น TRADING (จาก “ซื้อ”) เชิงกลยุทธ์อาจพิจารณาทำกำไรเพื่อรอจังหวะเข้าลงทุนอีกครั้ง หลังรายงานผลประกอบการวันที่ 10 ก.พ.