บล.ทรีนีตี้:
ดุสิตธานี – DUSIT
ซื้อ: ราคาเป้าหมาย 17.20 บาท, Upside/Downside +35%, Median Consensus – บาท
เพิ่มธุรกิจ กระจายรายได้ เตรียมพร้อมรับรู้รายได้จาก Dusit Central Park
- ขยายฐานรายได้ไป Non-Hospitality เพิ่มศักยภาพการดำเนินงาน
- กลุ่มโรงแรมคาดรายได้กลับสู่ระดับ Pre-COVID ได้ในปี 2566
- กลุ่มอาหารเริ่มฟื้นตัวจากธุรกิจ Catering หลังจากโรงเรียนกลับมาเรียน On-site และ OR ถือหุ้น Dusit Food 25% เพิ่มศักยภาพในการกระจายสินค้า
- กลุ่มการศึกษามีรายได้เพิ่มจากการเปิด Food School เมื่อ 4Q65
- แนะนำซื้อที่ราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 17.20 บาท
ขยายการลงทุนเพิ่มศักยภาพในการเติบโต
- ลงทุนใน Bonjour ธุรกิจ Bakery, รับทำ OEM และ Franchise ที่จะช่วยเพิ่ม Synergy ในธุรกิจกลุ่มอาหาร รวมทั้งการได้ประโยชน์จากการที่ PTTOR ถือหุ้น 25% ใน Dusit Food ที่จะช่วยให้ DUSIT สามารถมี Distribution Chanel ในการกระจายสินค้าได้ ครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น
- Epicure Catering และ The Caterers ให้บริการจัดอาหารแก่โรงเรียนนานาชาติในประเทศไทย และประเทศเวียดนามกลับมาให้บริการตามปกติ หลังจากนักเรียนกลับมาเรียน On-site ส่งผลให้มีรายได้กลับมาฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยปัจจุบัน Epicure Catering ให้บริการจัดหาอาหารแกสถานศึกษาจำนวน 31 แห่ง
- The Food School ที่มีการร่วมมือกับโรงเรียนสอนทำอาหารระดับโลก อาทิ Tsuji และ Alma เริ่มเปิดสอนเมื่อ 4Q65 เพิ่มฐานนักเรียนให้กว้างขึ้น และเป็นการต่อยอดจาก Le Cordon Bleu Dusit
- ตั้งเป้าพร้อมให้บริการโครงการ Dusit Central Park ปี 2567 โดยยังคงคาดว่าจะเริ่มจากการให้บริการกลุ่มโรงแรมเป็นโครงการแรก และคาดว่าส่วนที่เป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่ออาศัย Dusit Residence จะสามารถเริ่มโอนในช่วงปี 2568
Business Update
- โครงการ Dusit Central Park คาดว่าจะเริ่มให้บริการตาม Timeline ดังนี้
- Dusit Thani Hotel เริ่มให้บริการ 1H67
- Central Park Offices เริ่มให้บริการปี 2567
- Central Park Shopping Mall เริ่มให้บริการปี 2567
- Dusit Residences เริ่มโอน 2H68 มูลค่าโครงการราว 1.7 หมื่นล้านบาท มียอดขายแล้ว 51% โดยปี 2566 คาดว่าจะสามารถทำยอดขายได้ราว 80% จากการทำการตลาดในต่างประเทศ
- คาดปี 2566 มีรายได้จากกลุ่มโรงแรมฟื้นตัวกลับสู่ระดับ Pre-COVID และรายได้จากกลุ่มอาหารคาดมีการเติบโตจากการกลับมาเรียน, on-site ส่งผลให้มีรายไดจาก Epicure Catering และ The Caterers ฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง และมีรายได้เพิ่มจากการเข้าลงทุนในกิจการใหม่อย่าง Bonjour เราจึงคาดว่าปี 2566 จะมีผลประกอบการพลิกกลับเป็นกำไรไดที่ 205 ลานบาท
- คาดกำไรปี 2567 จะเติบโตจากเริ่มเปิดให้บริการโครงการ Dusit Central Park จากส่วนของโรงแรมก่อนและกำไรจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 2568 จากการโอนโครงการ Dusit Residences ส่งผลให้คาดการณ์กำไรปี 2568 ที่ 2.43 พันล้านบาท
เริ่มต้นคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 17.20 บาท
เราเริ่มต้นแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 17.20 บาท ด้วยวิธี DCF จาก WACC ที่ 6.2% และ Terminal growth Rate ที่ 3% โดยปี 2566 คาดผลการดำเนินงานพลิกกลับเป็นกำไร และได้รับอานิสงส์จากการกลับมาใช้ชีวิตปกติ ส่งผลให้ทุกกลุ่มธุรกิจฟื้นตัวกลับสู่ระดับ Pre-COVID และกำไรเติบโตกาวกระโดดในปี 2568 จากโครงการ Dusit Central Park
Business Update
- HOTEL : มีโรงแรมที่อยู่ใน Pipeline 45 แห่ง ที่จะรับบริหาร และคาด 2566 จะมีการฟื้นตัวของกลุ่มโรงแรมที่ดีขึ้นในประเทศ หลังจากเปิดประเทศเมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2565 และการที่จีนเปิดประเทศเร็วกว่าคาด ส่งผลให้โรงแรมในเครือมีผลประกอบการฟื้นตัวโดดเด่น โดยใน 3Q65 มี RevPar เติบโต 8% QoQ และ 58% YoY และคาดว่ารายได้กลุ่มโรงแรมจะฟื้นตัวได้ 85% ของระดับ Pre-COVID ใน ปี 2565 และกลับสู่ระดับ Pre-CQVID ในปี 2566
- FOOD : ในช่วง 2Q65 DUSIT ได้ทำการลงทุนในบริษัท Port Royal ที่ทำธุรกิจขายสินค้า Bakery แบบ B2B โดยสามารถเริ่มรับรู้รายได้ในช่วง 3Q65 เป็นต้นไป และตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากกลุ่ม Food จาก 8.1% ในปี 2564 สู่ระดับ 25% ในปี 2570
- EDUCATION : กลุ่มการศึกษา DUSIT ได้เพิ่มโครงการ The Food School Project ที่เริ่มดำเนินการสอนใน 4Q65 โดยโครงการนี้ได้ร่วมมือกับ ALMA, Tsuji เปิดคอร์สสอนทำอาหารครบวงจร รวมทั้งการเปิด Cloud Kitchen สำหรับให้เปิดร้านอาหารของนักเรียนในอนาคต
- DUSIT Central Park : คาดโรงแรมจะสามารถเริ่มให้บริการเป็นโครงการแรกราว 1H67 ขณะที่โครงการ Office และ Retail คาดเริ่มให้บริการช่วง 2H67 และปี 2568 จะเริ่มโอนโครงการ Dusit Residences โดยปัจจุบันมียอดขายราว 51%
- ธุรกิจ Property Management: ได้ทำการร่วมทุนกับ ORI (Origin Property) ในโครงการ Hampton Sriracha ที่ปัจจุบันมียอดขาย 70% และเริ่มรับรู้รายได้ในช่วง 4Q65
Performance Recap
- 9M65 รายงานขาดทุนสุทธิที่ 548 ล้านบาท ขาดทุนลดลง 56 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 3.4 พันล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 30% YoY โดยที่รายได้มีการปรับตัวสูงขึ้นทั้งจากกลุ่มโรงแรม การศึกษา และกลุ่มอาหาร
- คาด 4Q65 มีผลการดำเนินงานขาดทุนลดลงทั้ง QoQ และ YoY จากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มโรงแรมที่เข้าช่วง High Season ของโรงแรมในประเทศไทยและ Maldives โดยในช่วง 3Q65 มี RevPar อยู่ที่ 1,885 บาท ปรับตัวสูงขึ้น 8% QoQ และ 58% YoY จากอัตราเข้าพักที่ 61.7% โดยในช่วง 4Q65 คาดว่าจะสามารถเติบโตได้ทั้ง QoQ และ YoY เนื่องจากเป็นช่วง High Season ของโรงแรมในประเทศไทย และ Maldives
- สัดส่วนรายได้ใน 9M65 มาจากกลุ่มโรงแรมที่ 62.3% ของรายได้รวม รายได้จาก กลุ่มอาหารอยู่ที่ 16% และรายได้จากกลุ่มการศึกษาอยู่ที่ 6.8%
- คาดรายได้กลุ่มโรงแรมปี 2565 กลับสามารถฟื้นตัวได้ 85% ของช่วง Pre-COVID และกลุ่มอาหารมีการเติบโตที่ดีจากการเขาลงทุนเพิ่ม
ปัจจัยเสี่ยง
การระบาดของ COVID-19 ที่กดดันตลาดโดยรวม การฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวช้ากว่าคาด เงินเฟ้อที่สูงขึ้น กดดัน Purchasing Power ของลูกค้า และเพิ่มต้นทุนให้บริษัท ความผันผวนของค่าเงินบาท