Today Selections >> BH, SCB, WICE

Central Bank week

  • SET: ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงแรงวานนี้ โดยหลักเกิดจากแรงเทขายในหุ้นเฉพาะตัวที่ผลประกอบการไตรมาส 4/65 ออกมาแย่กว่าคาด หรือเป็นหุ้นที่คาดว่าผลตอบแทนจะออกมาไม่ดี อย่างไรก็ดี พบการเคลื่อนไหวที่ดีของ กลุ่มธนาคารเมื่อวานนี้ ซึ่งต้องถือว่าเป็นกลุ่มที่ช่วยค้ำยันตลาดไว้ได้บ้าง มองเช่นเดิมว่าราคาหุ้นกลุ่มธนาคารลงมารับข่าวงบฯที่อ่อนแอไปพอสมควรแล้ว จนทำให้ Valuation อยู่ในระดับที่น่าสนใจ และเป็นกลุ่มที่คาดหวังการฟื้นตัวของ Earnings ในช่วงไตรมาสที่ 1/66 ได้
  • ตลาดหุ้นวันศุกร์ปรับตัวรีบาวด์ขึ้นได้ดีจากตัวหุ้นที่ถูกแรงเทขายลงมากเกินไปก่อนหน้านี้ มองเช่นเดิมว่าหากเป็นกลุ่ม Domestic play ที่คาดหวังว่า Earnings ไตรมาส 1/66 จะปรับตัวดีขึ้นจากปลายปีก่อน มองเป็นโอกาสที่การเข้าสะสมหหุ้นเหล่านี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม BANK, COMM, PROP เป็นต้น
  • ทั้งนี้ มองอีก 2 กลุ่ม Domestic play ที่มีลักษณะคล้ายกับกลุ่ม BANK ก็คือกลุ่ม COMM และ PROP กล่าวคือราคาหุ้นมีการย่อตัวลงมาในช่วงครึ่งเดือนหลัง ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะหุ้นบางตัวที่อยู่ในกลุ่มนักวิเคราะห์คาดว่าจะมีผลการดำเนินงานไม่ได้น่าตื่นเต้นมากนัก แต่โดยภาพรวมแล้ว เราเชื่อว่าด้วยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ จะทำให้ Earnings ของหุ้น 2 กลุ่มนี้ฟื้นตัวดีขึ้นในช่วง 1Q66 นี้ได้ หากราคาลงต่อ มองเป็นโอกาสในการทยอยเข้าซื้อ โดยเฉพาะหากผลประกอบการออกมาอ่อนแอ จนราคาหุ้นตอบรับเชิงลบอีก (Buy on fact)
  • Factors: สําหรับปัจจัยที่น่าติดตามประจำสัปดาห์นี้ ได้แก่

1) การประชุม FOMC ซึ่งจะทราบผลในช่วงดึกคืนวันที่ 1 ก.พ. ตามเวลาบ้านเรา คาด Fed มีมติขึ้นดอกเบี้ยตามตลาดคาดที่ 0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75% ซึ่งจะทำให้ไฮไลท์สำคัญไปตกอยู่กับใจความของ Statement ที่ออกมา รวมถึง Comment ของนาย Jerome Powell หลังการประชุม ทั้งนี้ หากไม่มีคำพูดใดใหม่ๆ นอกเหนือไปจากคำพูดเดิมที่เคยกล่าวไว้ว่า Fed จะดำรงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ Terminal rate จนกว่าเงินเฟ้อจะปรับเข้าสู่กรอบเป้าหมายที่ 2% มองว่า Risk sentiment ของนักลงทุนจะยังอยู่ในเกณฑ์ดี ทั้งนี้ในเบื้องต้น เราคาดการณ์ว่าสำาหรับการประชุมครั้งถัดไปวันที่ 21-22 มีนาคม Fed จะมีมติเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อที่ระดับเดิม 0.25%

2) การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 2 ก.พ. ซึ่งล่าสุดตลาดคาดการณ์ว่า ECB จะมีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.50% ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง จะถือเป็นช่วงการขึ้นที่รุนแรงกว่า Fed และน่าจะเป็น ปัจจัยที่ทําให้เงิน EUR แข็งค่า และเงิน USD แข็งค่าในระยะสั้นต่อไป

3) รายงานตัวเลขภาคการผลิตเดือนมกราคมของประเทศสําคัญทั่วโลก

  • Quant play for February: เราได้ทำการตรวจสอบ Performance ของดัชนี SETHD นับตั้งแต่การจัดตั้งเมื่อปี 2011 เป็นต้นมาพบว่า เดือนกุมภาพันธ์ถือเป็นเดือนที่ให้ค่าเฉลี่ยผลตอบแทนสูงที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากเดือนเมษายนเท่านั้น โดยให้ค่าเฉลี่ยผลตอบแทนอยู่ที่ 2.0% ทั้งนี้ หากดูเป็นรายปี จะพบว่าเดือนกุมภาพันธ์ไม่เคยให้ผลตอบแทน Total return ติดลบเลย นับตั้งแต่การจัดทำดัชนี SETHD เป็นต้นมา จะมีก็แต่เพียงปี 2020 ที่เกิดเหตุการณ์ Covid เท่านั้น
  • แนวรับ 1,665 แนวต้าน 1,691

บทวิเคราะห์วันนี้

KBANK (ชื่อ ราคาเป้าหมาย 167 บาท) มองเป็นกลางต่อการประชุมนักวิเคราะห์

  • Top SETHD play: ทั้งนี้ จากการตรวจสอบ Valuation ณ ปัจจุบันของดัชนีนี้ พบว่ายังคงอยู่ในระดับที่น่าสนใจ โดยมีค่า 2023E PE / PBV ต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับดัชนีสำคัญอื่นๆ รวมถึงมีระดับ Expected dividend yield สูงกว่าดัชนีอื่นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งหลังจากการคำนวณของเราโดยใช้ข้อมูลตั้งแต่ปี 2011 เสร็จสิ้น และคัดเฉพาะหุ้นที่มี Track record 7 ปีขึ้นไป เพื่อความมีนัยสำคัญทางสถิติ ปรากฏว่าหุ้นในดัชนี SETHD ที่มีความเชื่อมั่นสูงที่สุดว่าจะส่งมอบ Total return ที่เป็นบวกได้ในเดือนก.พ.นี้จะได้แก่ TISCO, INTUCH, TCAP
  • Top non-SETHD play: ส่วนนักลงทุนที่อาจสามารถกระจายพอร์ตการลงทุนเพิ่มเติมไปยังหุ้นที่อยู่นอกเหนือดัชนี SETHD ได้ แต่ก็มีความเชื่อมั่นทางสถิติในระดับสูงด้วยเช่นกันนั้น จากการคำนวณของเราพบว่าหุ้นที่เข้าข่ายดังกล่าวจะได้แก่ BCP, PSL, GLOBAL, JMT, AMATA มองหุ้น 3 ตัวหลังถือว่าน่าสนใจ ในฐานะที่ราคาหุ้นล่าสุดในกระดานปรับตัวลงมาราว 10% หรือมากกว่าแล้ว
- Advertisement -