บล.เอเซีย พลัส:

ฟื้นตัวแกร่ง แต่ Upside จำกัด

คาดกําไรสุทธิ 3Q65/66 (ต.ค.-ธ.ค. 65) อยู่ที่ 94 ล้านบาท +40%QoQ พลิกจาก ขาดทุนในช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 76 ล้านบาท ปัจจัยกดดันหลักยังคงเป็นส่วนแบ่ง ขาดทุนที่รับรู้จาก KEX ทําให้ไตรมาสนี้ยังมีกําไรพิเศษจากการบริหาร Treasury เข้ามาชดเชยเหมือนไตรมาสก่อน แต่ยังมีตัวช่วยจากส่วนแบ่งกําไรจาก JMART รวมถึงรายได้เงินปันผลรับจาก PLANB และธุรกิจหลักสื่อโฆษณาฟื้นตัวโดดเด่น สะท้อนผ่าน Utilization Rate งวด 3Q65/66 คาดที่ 58% เพิ่มจากไตรมาสก่อนท่ี 41% จากจํานวนผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าท่ีเพิ่มขึ้น และการเข้าสู่ช่วง High Season

คงประมาณการกําไรสุทธิปี 2565/66 ไว้เท่าเดิมที่ 343 ล้านบาท พลิกจากขาดทุน 120 ล้านบาทในปีก่อน แนวโน้มกําไรสุทธิระยะถัดไปคาดเห็นการฟื้นตัวในทุกธุรกิจ ส่วนแบ่งขาดทุนจาก KEX ที่ทยอยลดลง ประเมินมูลค่าเหมาะสมด้วยวิธี DCF ได้ FV. สิ้น มี.ค. 2567 อยู่ที่ 5.05 บาท ราคาหุ้นปัจจุบันเหลือ Upside ไม่มาก ลด คําแนะนําจากซื้อ เป็น Switch ไป PLANB (FV@9.30B)

ฟื้นตัวแกร่ง แต่ UPSIDE จํากัด

คาดกำไรสุทธิ 3Q65/66 (ต.ค.-ธ.ค. 65) อยู่ที่ 94 ล้านบาท +40%QoQ พลิกจากขาดทุนในช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 76 ล้านบาท แม้ปัจจัยกดดันหลักที่ทำให้กำไรสุทธิของ VGI ไม่กลับไปสู่ระดับ 200-400 ล้านบาท/ไตรมาส เหมือนช่วงก่อนเกิดโควิด ยังคงเป็นส่วนแบ่งขาดทุนที่รับรู้จาก KEX (VGI ถือหุ้น 18%) ที่สงครามราคายืดเยื้อกว่าที่คาด แต่ยังพอชดเชยด้วยส่วนแบ่งกำไรจาก JMART และกำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุนภายใต้การบริหาร Treasury ขณะที่ผลประกอบการของธุรกิจหลักสื่อโฆษณานอกบ้าน (Out-of- Home) ฟื้นตัวโดดเด่นรับปัจจัยหนุนเข้าสู่ช่วง High Season ประกอบกับเงินปันผลรับจาก PLANB (VGI ถือหุ้น 18%) คาดรับรู้เข้ามาเพิ่มในไตรมาสนี้อีก 54 ล้านบาท โดย 3 ธุรกิจหลัก มีรายละเอียดดังนี้

ธุรกิจ OOH คาดรายได้อยู่ที่ 624 ล้านบาท (+43%QoQ,+32%YoY) ความสามารถในการผลิตสื่อ (Media Capacity) ทรงตัวจากไตรมาสก่อนที่ 1.1 พันล้านบาท ขณะที่อัตราการใช้สื่อ (Utilization Rate) ปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ 41% มาอยู่ที่ 58% ฟื้นตัวตามจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้า ณ สิ้น 3Q65/66 เฉลี่ยอยู่ที่ 5.0 แสนเที่ยว/วัน (คิดเป็น 71% ของช่วงก่อนเกิดโควิด) เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่อยู่ที่ 4.4 แสนเที่ยว/วัน แม้ Concession Fee ที่ตามสัญญา VGI ต้องชำระในรูปแบบ Revenue Sharing ให้กับ BTSC ที่เพิ่มขึ้นจาก 10% เป็น 15% ซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ไตรมาสก่อน แต่อัตราการใช้สื่อของ VGI ฟื้นตัวได้โดดเด่นรับปัจจัยหนุนช่วง High Season ทำให้ Gross Margin เฉลี่ยของ VGI ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 30.7% (2065/66 อยู่ที่ 22.8%)

ธุรกิจ Digital Service คาดรายได้ปรับตัวขึ้น 10%QoQ มาอยู่ที่ 419 ล้านบาท หนุนหลักจากรายได้ Rabbit Card ที่ฟื้นตัวตามจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้า และรายได้จากการขายประกันภายใต้ RCare ที่เพิ่มขึ้น และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากการเพิ่ม Product Line ของประกัน โดยธุรกิจ Digital Services มีสัดส่วนรายได้กว่า 60% มาจากรายได้ RABBIT Group อย่างไรก็ตาม ธุรกิจปล่อยสินเชื่อในลักษณะดิจิทัล (Digital Loan) ภายใต้ RCash ยังคงประสบผลขาดทุนเนื่องจากอยู่ในช่วงของการเริ่มต้นธุรกิจ

ธุรกิจ Distribution คาดรายได้การขายสินค้า Fanslink ลดลงมาอยู่ที่ 375 ล้านบาท (-8%QoQ, -45%YoY) กดดันหลักจากการปิดประเทศของจีน ส่งผลต่อ Supply Chain การผลิตสินค้าของ Fanslink ซึ่งนำเข้าสินค้าจากประเทศจีนเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ VGI ลดการทำ Aggressive Pricing สะท้อนผ่านค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารของ Fanslink ที่ลดลงบวกกับการที่ไม่มี Marketing Campaign ส่งผลทำให้ยอดขายปรับตัว ลดลงตาม ขณะที่ฝั่งต้นทุนยังไม่เห็นพัฒนาการที่ดีขึ้นจากสัดส่วนรายได้สินค้าประเภท Owned-Brand ภายใต้ “Pando Selection” ซึ่งให้ Margin ที่สูงกว่าสินค้านำเข้าจากจีน ยังคงเป็นสัดส่วนที่น้อย หรือคิดเป็นเพียง 3% ของรายได้ธุรกิจ Distribution ซ้ำเติมด้วย ผลขาดทุนจาก NINE ประกอบธุรกิจให้เช่าพื้นที่เชิงพาณิชย์เนื่องจากอยู่ในช่วงของการ เริ่มต้นธุรกิจ ฝ่ายวิจัยคาด Gross Margin ของธุรกิจ Distribution จะทรงตัวจากไตรมาส ก่อนที่ 4%

ราคาหุ้นขึ้นปรับตัวขึ้นมาร้อนแรงเกินไป

กำไร 9M65/66 คิดเป็น 55% ของประมาณการ อย่างไรก็ตาม สำหรับรายการพิเศษที่น่าจะบันทึกเข้ามาในไตรมาสนี้ยังมีความไม่แน่นอนในเชิงของตัวเลข ฝ่ายวิจัยจึงคงประมาณการกำไรปี 2565/66 อยู่ที่ 343 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนในปี 2564/65 ที่ 120 ล้านบาท ขณะที่แนวโน้มระยะถัดไปน่าจะค่อยๆ เห็นการฟื้นตัวของกำไรจาก….

1.) การรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจาก KEX ที่ยังคงเป็นปัจจัยกดดันหลักในหลายๆ ไตรมาส ที่ผ่านมาของ VGI ส่งผลให้ต้องใช้กลยุทธ์การบริหาร Treasury โดยมีการขายเงินลงทุนออกมาบางส่วนหากส่วนแบ่งกำไรจาก JMART ไม่อาจชดเชยได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการของ KEX น่าจะผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว แม้ Price War ยังคงอยู่ แต่การบริหารจัดการต้นทุนทำได้ดีขึ้น การรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจาก KEX คาดทยอยลดลง

2.) มองรายได้จากการดำเนินงานภายใต้ธุรกิจ OOH จะค่อยๆ ฟื้นตัวตามจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นรับการเปิดประเทศของจีน หนุนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเช้าประเทศไทยมากขึ้น แม้รายได้โฆษณาคาดอ่อนตัวลงตามปัจจัยฤดูกาลใน 4Q65/66 (สิ้นสุด มี.ค. 66) อย่างไรก็ตาม ในระยะยาวรายได้โฆษณาน่าจะเริ่มกลับมาสู่ระดับปกติ รับปัจจัยของการฟื้นตัวตาม Ridership หนุน Utilization Rate ของ VGI ในระยะถัดไปกลับไปสู่ระดับ 60-65%

3.) รายได้ธุรกิจ Distribution ที่หดตัวจากผลกระทบการปิดประเทศของจีนบวกกับการไม่จัด Marketing Campaign ทำให้ยอดขายปรับตัวลงจากไตรมาสก่อน แนวโน้มในไตรมาสถัดไปยอดขายน่าจะกลับมาเติบโตหลังจีนเปิดประเทศ การเริ่มเพิ่มค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่จะช่วยดันยอดขายให้กลับมาเติบโตได้อีกครั้ง แม้กลยุทธ์การดัน Gross Margin จากแผนการเพิ่มสัดส่วนสินค้า Owned Brand ภายใต้ “Pando Selection” ในงวดนี้ยังคงอยู่ในระดับต่ำ แต่เชื่อว่าหาก Fanslink สามารถเพิ่มสัดส่วนได้สำเร็จ Gross Margin ของธุรกิจ Distribution จะปรับตัวขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ

ฝ่ายวิจัยมองผลประกอบการได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว และค่อยๆ ฟื้นตัวในระยะถัดไป อย่างไรก็ตาม ด้านราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมากว่า 22% นับจากต้นเดือน ต.ค.65 น่าจะสะท้อนความคาดหวังกำไร 3Q65/66 (ต.ค.-ธ.ค. 65) ที่เติบโตจากการเข้าสู่ช่วง High Season ไปมากแล้ว ประกอบกับ PER ปี 2565/66 อยู่ที่ 152 เท่า และระดับ PER สำหรับปี 2566/67 ยังคงสูงถึง 60 เท่า ซึ่งสูงกว่า PER ของ SETMEDIA อยู่ที่ 42 เท่า จึงลดคำแนะนำจาก ซื้อ เป็น “Switch” ไป PLANB (FV@9.308) ที่ยังเหลือ Upside มากกว่า

การดำเนินงานด้าน ESG ของ VGI

Environment : กำาหนดนโยบายสิ่งแวดล้อมเพื่อส่งเสริมความมุ่งมั่นในการรลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินธุรกิจ และปรับปรุงการปฏิบัติงานด้านสิ่งแวดล้อม และเปิดเผยผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง โดยมีตัวชี้วัดด้านสิ่งแวดล้อมที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว ได้แก่ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรงการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อม การใช้พลังงาน การใช้น้ำ และการจัดการของเสีย

Social : ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขนโยบายด้านสิทธิมนุษยชน และนโยบายด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย  โดยเน้นการเคารพสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ อาทิ หลักปฏิบัติของสหประชาชาติว่าด้วยการดำเนินธุรกิจและสิทธิมนุษยชนรวมถึงอนุสัญญา สหประชาชาติว่าด้วยสิทธิเด็กและสิทธิคนพิการ

Governance : จัดทำนโยบายการบริหารความเสี่ยงองค์กรที่มีการวางกรอบการดำเนินงานด้านการบริหารจัดการความเสี่ยงครอบคลุมทุกองค์ประกอบ อาทิ การกำกับดูแลวัฒนธรรมองค์กร ผลการปฏิบัติงาน กลยุทธ์และการกำหนดวัตถุประสงค์ การสอบทานและแก้ไขปรับปรุง เป็นต้น

ประเด็นความเสี่ยง

1.ส่วนแบ่งขาดทุนที่รับรู้จาก KEX มากกว่าที่คาด

2.รายได้ธุรกิจ OOH ในไตรมาสถัดไป อาจเห็นการลดลงของอัตราการใช้สื้อตามปัจจัยฤดูกาล

3.การเพิ่มสัดส่วนสินค้า Owned-Brand ภายใต้ธุรกิจ Distribution ที่ยังไม่เห็นพัฒนาการเชิงบวก กดดัน Gross Margin เฉลี่ยของ VGI ไปอีกระยะ

- Advertisement -