บล.บัวหลวง:

TMBThanachart Bank (TTB TB /TTB.BK)

TTB – NIM ที่เพิ่มทุกๆ 10bps หนุนกำไรเพิ่มขึ้น 1 พันล้านบาท

เราปรับเพิ่มคาดการณ์ NIM ของ TTB ขึ้น 18bps และประมาณการกำไรปี 2566 ขึ้น 13% เนื่องจากธนาคารกำลังสร้างธุรกิจสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า (Cash-Your-Car และ Cash- Your-Home) เราคาดบริษัทจะจัดการคุณภาพสินทรัพย์ได้ดี

ความเสี่ยงเท่าเดิมแต่ผลตอบแทนสูงกว่ามาก

ตรงกันข้ามกับธนาคารขนาดใหญ่อื่นๆ ที่เราให้คำแนะนำ ซึ่ง TTB ไม่ได้รับประโยชน์มากนักจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น เนื่องจากประมาณ 30% ของพอร์ตเป็นสินเชื่อเช่าซื้อในอัตราดอกเบี้ยคงที่ ก่อนหน้านี้เราคาดว่า NIM จะลดลง 11bps YoY มาอยู่ที่ 2.9% ในปี 2566 เนื่องจากต้นทุนทางการเงินจะเพิ่มขึ้นบางส่วน (เราประมาณการสินเชื่อบ้านโดย One-Day Repo Rate จะเพิ่มขึ้นจาก 1.25% ณ สิ้นปี 2565 เป็น 2.0% ณ สิ้นปี 2566 ค่าธรรมเนียม FIDF ปรับขึ้นจาก 0.23% กลับสู่ระดับก่อนช่วงโควิดที่ 0.46% เมื่อต้นปีนี้) แต่ในปี 2566 TTB จะโฟกัสการสร้างธุรกิจสินเชื่อเพิ่มเติม (top-up loan) ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า โดยมีหลักประกันเป็นรถยนต์ (อัตราดอกเบี้ย 9-10%) และบ้าน (6-7%) ดังนั้นเราจึงปรับประมาณการ NIM เป็น 3.1% ในปี 2566 เพิ่มขึ้น 7bps YoY

ธนาคารเสนอสินเชื่อประเภทนี้ให้กับลูกค้าสินเชื่อเช่าซื้อและลูกค้าสินเชื่อบ้าน ซึ่งได้ชำระเงินต้นบางส่วนจากสินเชื่อของพวกเขาแล้ว TTB เลื่อนการรุกธุรกิจสินเชื่อ top-up ในช่วงโควิด เนื่องจากกังวลเรื่องคุณภาพสินทรัพย์ ใน อนาคต กลยุทธ์การเติบโตของธนาคารมุ่งเน้นไปที่การสร้างระบบธนาคารเพื่อลูกค้ารายย่อยทางดิจิทัล

อัตราการตั้งสํารองที่ลดลง YoY ในปี 2566

เราคาดอัตราการตั้งสํารองของ TTB จะลดลงจาก 133bps ในปี 2565 มาอยู่ ที่ 124bps ในปี 2566 (ต่ำกว่าเป้าของผู้บริหารเล็กน้อยในกรอบ 125- 135bps) เนื่องจากบริษัทมีการสำรองไว้แล้วสําหรับผู้กู้ที่ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามปกติ (แม้หนี้อยู่ในการจัดชั้นที่ 1 และ 2) ทางผู้บริหารคาดสัดส่วนหนี้เสีย/สินเชื่อรวมจะปรับตัวขึ้นเล็กน้อยไปเป็น 2.9% ณ สิ้นปี 2566

มูลค่ายุติธรรมและคําแนะนำใหม่

เราปรับขึ้นประมาณการกำไรปี 2566 อีก 13% ไปเป็น 1.68 หมื่นล้านบาท เติบโต 18% YoY เนื่องจากปัจจุบันเรามีมุมมองเชิงบวกที่มากขึ้นต่อ NIM และการเติบโตของสินเชื่อ (เราสมมุติฐานการเติบโตของสินเชื่อในปีนี้จาก 2.6% ไปเป็น 3%) นอกจากนี้เราปรับขึ้นประมาณการกำไรปี 2567 อีก 14% ไปเป็น 1.79 หมื่นล้านบาท เติบโต 6.7% YoY จากความคาดหวังต่อ NIM ที่น่าจะขยายตัวมากขึ้น (จาก 2.91% ไปเป็น 3.14%) และสินเชื่อที่เติบโต ดังนั้น ราคาเป้าหมายของเราจึงขึ้นจาก 1.45 บาท ไปเป็น 1.7 บาท (อิงจาก PBV ที่ 0.7 เท่า โดยมี ROE ที่ 7.5%) และเราปรับขึ้นคําแนะนําจาก “ถือ” ไปเป็น “ชื้อ”

ปัจจุบันเราคตั้งสมมุติฐานผลตอบแทนของธุรกิจสินเชื่อเพิ่มเติม (top-up loans) จะมีสินเชื่อได้ถึง 9.74 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นปี 2566 คิดเป็นสัดส่วนต่อพอร์ตสินเชื่อของ TTB ราว 6.9% หากธุรกิจดังกล่าวสามารถมีสัดส่วนใน พอร์ตสินเชื่อรวมได้ถึง 7.9% ณ สิ้นปี 2566 จะเป็นอัพไซด์ต่อประมาณการ NIM ปี 2566 ของเราถึง 9bp

- Advertisement -