บล.บัวหลวง:

EV – โตต่อเนื่องในปี 2566 (OVERWEIGHT)

รายงานยอดการผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้น YOY ในปี 2565 หนุนจากการเปิดประเทศไทย และปัญหาซัพพลายเชนที่เริ่มคลี่คลาย (เช่น การขาดแคลน IC) การขยายตัวมีแนวโน้มต่อเนื่องไปจนถึงปี 2566 หุ้นที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้า ที่เราให้คําแนะนำจะปรับตัวโดดเด่นกว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ในภาพรวม

ยอดการผลิตรถยนต์ในไทยเพิ่มขึ้น YoY ในเดือนธ.ค.

ยอดการผลิตรถยนต์ในไทยอยู่ที่ 158,606 คันในเดือนต.ค. 2565 จากข้อมูลของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (FTI) เพิ่มขึ้น 2.75% YoY (ลดลง 16.59% MoM เนื่องจากวันหยุดนักขัตฤกษ์) โดยหนุนจากการฟื้นตัวของอุปทานชิ้นส่วนชิป ตัวเลขเดือนธ.ค.ส่งผลให้ยอดการผลิตรถยนต์ในปี 2565 อยู่ที่ 1,883,515 คัน เพิ่มขึ้น 11.73% YoY ในเดือนธ.ค. รถยนต์ที่ผลิตเพื่อการส่งออกอยู่ที่ 85,766 คัน เพิ่มขึ้น 10.53% YoY แต่ลดลง 20.10% MoM และ 72,840 คัน สําหรับการขายในประเทศลดลง 5.13% YoY และ 13.62% MoM ยอดขายรถยนต์ในประเทศมีจํานวน 82,799 คันในเดือนธ.ค. ลดลง 9.02% YoY (การขาดแคลนชิปส่งผลให้การผลิตรถยนต์บางรุ่นลดลง) แต่เพิ่มขึ้น 21.26% MoM ในเดือนธ.ค. มีการส่งออกรถยนต์ 111,605 คัน เพิ่มขึ้น 10.17% YoY และ 26.85% MoM

เมื่อมองไปยังกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า มียอดการจดทะเบียนรถ BEV ใหม่ 2,680 คันในเดือนธ.ค. (คิดเป็น 3% ของยอดขายรถยนต์ในประเทศ) เพิ่มขึ้น 458.33% YoY แต่ลดลง 6.88% MoM มีการจดทะเบียนรถ PHEV ใหม่ 679 คัน (คิดเป็น 1% ของยอดขาย) เพิ่มขึ้น 22.78% YoY แต่ลดลง 29.34% MoM ในขณะที่การผลิตรถยนต์ในจีนลดลง 18.2% YoY (ทรงตัว MoM) ใน เดือนธ.ค. การผลิตของจีนเพิ่มขึ้น 3.4% ในปี 2565 การล็อกดาวน์ส่งผลให้การผลิตลดลง แต่นโยบายของรัฐบาลจีนหนุนยอดขายการผลิตรถยนต์พลังงานใหม่ของจีน (NEV) เพิ่มขึ้น 51.8% YoY ในเดือนธ.ค. และ 96.9% YOY ในปี 2565 NEVs คิดเป็น 25.6% ของยอดขายรถยนต์จีนในปีที่ผ่านมา

การผลิตรถยนต์ในไทยเข้าใกล้ระดับก่อนช่วงโควิดในปี 2566

ส.อ.ท. ตั้งเป้าหมายการผลิตรถยนต์ในไทยที่ 1.95 ล้านคันในปี 2566 เพิ่มขึ้น 3.53% YoY และต่ำกว่าตัวเลขปี 2562 เพียง 3% ปัจจัยขับเคลื่อน คือ การเติบโตทางเศรษฐกิจและปัญหายัพพลายเชนเริ่มคลี่คลาย โดยความเสี่ยง หลัก ได้แก่ ปัญหาด้านโลจิสติกส์ระหว่างประเทศภูมิรัฐศาสตร์ และค่าเงินบาทที่แข็งค่า การผลิตยานยนต์ไฟฟ้าจะเริ่มอย่างจริงจังในปีนี้ และประเทศไทยจะส่งออกรถ EV เป็นครั้งแรกในปีนี้ สําหรับเดือนม.ค. 2566 เราคาดการผลิต รถยนต์จะเติบโต 10% YoY และ 5% MoM ในไตรมาส 1/66 เราคาดว่าการผลิตจะเติบโต 8% YoY (ทรงตัว QoQ)

โดดเด่นกว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ในภาพรวม

จากกลุ่มที่เราให้คำแนะนำ เราชอบ NEX มากที่สุดในกลุ่ม เราคาดกำโรหลักในปี 2566 ที่ 2,068 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 507% YoY โดยหนุนจากการดำเนินงานเต็มปีของโรงงาน สำหรับ AH เราคาดกำไรหลักในปี 2566 จะอยู่ที่ 1,686 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% YoY หนุนโดยคำสั่งซื้อใหม่จาก Ford และ VinFast เราประมาณการกำไรหลักของ SAT ในปี 2566 อยู่ที่ 1,043 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% YoY โดยหนุนจากคาสั่งซื้อใหม่ (เช่น ชุดเคสและเพลา) เมื่อมองไปยัง FORTH เราคาดกำไรหลักที่ 1,246 ล้านบาทในปี 2566 เพิ่มขึ้น 58% YoY โดยหนุนจากเต่าบิน ตลาด EV ในไทยยังไม่ใหญ่มาก ดังนั้นธุรกิจเครื่องชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า “กิ้งก่า” ของ FORTH ไม่น่าจะเข้ามามากนักในปี 2566 แต่ตลาด BEV กำลังเติบโตอย่างมาก ดังนั้น จึงอาจมีนัยสำคัญมากขึ้นในปี 2567

- Advertisement -