บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

Action BUY (Maintain) 

TP upside (downside) +26.8% 

Close Jan 27, 2023 Price 147.50 

12M Target 187.00

KASIKORN BANK (KBANK) การตั้งสำรองผ่านจุดสูงสุด….มีแรงหนุนจากรายได้ดอกเบี้ย 

Event

วันศุกร์ที่ผ่านมา KBANK จัดประชุมนักวิเคราะห์ เพื่อแถลงเป้าหมายทางการเงินและกลยุทธ์ปี 2566 ซึ่งเราได้สรุปประเด็นสำคัญดังนี้

  • ผู้บริหารตั้งเป้าขยายพอร์ตสินเชื่อที่ 5-7%YoY เพิ่มขึ้นจาก 3.3%YoY ในปี 2565 หลักๆ มาจากสินเชื่อกลุ่มบริษัทใหญ่ (ความเสี่ยงต่ำ) คาดโต 4-6%YoY หนุนด้วยแผนลงทุนของภาคเอกชนที่ฟื้นกลับมาตามภาวะเศรษฐกิจ รองลงมาคือสินเชื่อรายย่อย 2-4%YoY และสินเชื่อ SME 1- 2% YoY เน้นการโตของสินเชื่อ Digital Loan ที่ปล่อยผ่าน KPLUS (ปีนี้ตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าเป็น 24 ล้านคน จาก 21 ล้านคนในปี 65) เพราะเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพขยายตัวได้ดี โดยบริษัทจะเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น ซึ่งตั้งแต่ช่วงปลายปี 2565 บริษัทได้ปรับปรุงการดำเนินงานของ Digital Loan หลายด้าน เช่น การเก็บข้อมูล, การติดตามหนี้ และการแบ่ง Scoring Model กลุ่มลูกค้าประเภทต่างๆ เพื่อเพิ่มความระมัดระวังในการอนุมัติสินเชื่อ
  • เป้า Net Interest Margin ที่ 3.3-3.45% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 3.3% แม้มีเรื่องอัตราเงินนำส่ง FIDF และดอกเบี้ยเงินฝากที่สูงขึ้น แต่บริษัททยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงการเพิ่มสัดส่วนปล่อยสินเชื่อลูกค้าที่เป็น High Yield มากขึ้น ขณะที่การปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ (CASA Rate) ซึ่งเป็นต้นทุนดอกเบี้ยหลัก จะขึ้นอยู่กับการแข่งขันของตลาด ซึ่งผู้บริหารมองว่ามีโอกาสที่ CASA Rate จะปรับขึ้นเป็น 0.50% ในช่วง 6 เดือนข้างหน้า แต่ตอนนี้ยังไม่มีสัญญาณลบ และยังคง CASA Rate ที่ 0.25%
  • Credit Cost คาดที่ 175-200 bps ลดลงจาก 210 bps ในปีก่อน มองการตั้งสำรองผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว แต่ปีนี้การตั้งสำรองยังอยู่ในระดับสูง เพราะต้องการปรับคุณภาพของพอร์ตสินทรัพย์ โดยทยอยปรับชั้นลูกหนี้ Stage 1-2 กลุ่มที่ความสามารถชำระหนี้แย่ลง หลังออกจากมาตรการช่วยเหลือ ลงเป็น NPL (ตั้งเป้าคุม NPL ไม่เกิน 3.25%) ทั้งนี้หากภาวะเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว และ KBANK มีเงินสำรองที่สูงขึ้น บริษัทจะเริ่มพิจารณาลด Credit Cost สู่ระดับปกติที่ 140-160 bps
  • ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ค่าธรรมเนียมทรงตัว หลังรายค่าธรรมเนียมธุรกรรมธนาคารลดลงตามพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนไป แต่จะถูกชดเชยด้วยรายได้จากธุรกิจกองทุนรวม, ธุรกิจประกัน และธุรกิจ Wealth Management ที่ฟื้นตัว
  • สำหรับประเด็น KASSET บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาพันธมิตรที่จะเข้ามาสนับสนุนซึ่งกันและกัน คาดเห็นข้อสรุปในปีนี้ (ไม่รวมในเป้าหมายทางการเงิน) ผู้บริหารต้องการให้พันธมิตรเข้ามาช่วยเสริมด้านช่องทางการขาย, การออกผลิตภัณฑ์ทางการเงิน และข้อมูลในการลงทุน เพื่อให้ลูกค้าได้รับการบริการที่ดีขึ้น และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก

Our Take

  • เรามีมุมมองเป็นบวกมากขึ้นหลังจบการประชุม โดยเป้าหมายทางการเงินยังสอดคล้องกับประมาณการของเรา จึงมองผลดำเนินงานของ KBANK ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นในปี 2566 หนุนด้วยการตั้งสำรองที่คาดจะผ่อนคลายลงต่อเนื่อง สอดรับกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่โตตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้น ประกอบกับบริษัทได้ตั้งสำรองจำนวนมากไปแล้วใน 4Q65 นอกจากนี้ในปี 2565 KBANK เป็นธนาคารที่มีการเติบโตของรายได้ดอกเบี้ยโดดเด่น จากทั้งการขยายสินเชื่อในกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ และการปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ใน หลายผลิตภัณฑ์ หากการตั้งสำรองปรับลดลงจะทำให้เห็นภาพการเติบโตของผลดำเนินงานที่สดใสมากขึ้น เราคาด KBANK จะมีกำไรสุทธิในปี 2566 จำนวน 48,187 ลบ. โต 34.7%YoY
  • เรามองผลดำเนินงานของ KBANK จะฟื้นตัวขึ้นเด่นใน 1Q66 จากฐานที่ต่ำใน 4Q65 และจะทยอยปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ ขณะที่ราคาหุ้นถูกกดดันจากผลดำเนินงาน 4Q65 ที่ต่ำกว่าคาด จนกลัมามี Upside นอกจากนี้ราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside 26.8% จากมูลค่าพื้นฐานเดิมปี 2566 ที่ 187 บาท (อิง Prospective PBV ที่ 0.8x) พร้อมคาดมีปันผลจากกำไร 2H65 อีกหุ้นละ 3.50 บาท คิดเป็น Div. Yield 2.3%
- Advertisement -