บล.เอเซีย พลัส:

คาดกําไร 4Q65 จะขึ้นทํา NEW HIGH อีกไตรมาส

คาดกําไรสุทธิงวด 4Q65 เท่ากับ 410 ล้านบาท ขึ้นทํา New high เป็นไตรมาสที่ 6 ติดต่อกัน เพิ่มขึ้น 5% qoq และ 20% yoy จากแนวโน้มสินเชื่อเติบโตต่อเนื่อง และคาดสัดส่วน Cost to income ปรับลดลง ขณะที่คาด Credit cost งวด 4Q65 จะทรงตัวใกล้เคียงงวด 3Q65 แม้จะได้รับผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อ แต่คาด ASK จะมีการกลับรายการตั้งสํารองหนี้ฯ ในส่วนของ Management overlay ราว 140 ล้านบาท จากการเปิดประเทศ โดยคาด NPL/สินเชื่อสุทธิงวด 4Q65 จะปรับเพิ่มขึ้นมาที่ 3.4%

คาดกําไรสุทธิปี 2566 จะเพิ่มขึ้น 15% yoy จากแนวโน้มสินเชื่อสุทธิปี 2566 เติบโต 16% yoy ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยประเมินว่า ASK จะได้รับผลกระทบจากทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นจํากัด ผลบวกจากการปรับเพิ่มอันดับเครดิตเรทติ้งของ ASK ถึง 2 อันดับมาอยู่ที่ระดับ A เมื่อส.ค. 65 ราคาหุ้นปัจจุบันมี Valuation น่าสนใจ สะท้อนจาก PER ปี 2566 ที่ 10 และยังคาดหวัง Div yields ได้ราว 4-5% ต่อปี จึงยังแนะนําซื้อ

คาดกําไรสุทธิจะขึ้นทํา NEW HIGH ใน 4Q65

คาดกำไรสุทธิงวด 4Q65 เท่ากับ 410 ล้านบาท ทำ New high ต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 6 เพิ่มขึ้น 4.8% qoq และ 19.5% yoy มีปัจจัยสนับสนุนจาก 1) คาดการณ์สินเชื่อสุทธิงวด 4Q65 จะปรับเพิ่มขึ้น 4.0% qoq และ 21.8% yoy สู่ระดับ 6.8 หมื่นล้านบาท จากแนวโน้มความต้องการใช้สินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกเติบโตต่อเนื่อง สอดคล้องกับการเปิดเมืองหนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจฟื้นตัว และ 2) คาดการณ์สัดส่วน Cost to income งวด 4Q65 จะปรับลดลงมาที่ 25.0% จาก 26.2% ในงวด 3Q65 ผลบวกจากการประหยัดต่อขนาดและการเน้นควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานมากขึ้น

ขณะที่คาด Credit cost งวด 4Q65 จะทรงตัวใกล้เคียงงวดก่อนที่ 2.0% ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยคาด ASK จะมีการตั้งสำรองหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญ (ก่อนกลับรายการตั้งสำรองหนี้สูญ และหนี้สงสัยจะสูญ Management Overlay) เพิ่มขึ้นถึง 42.2% qoq และ 75.8% yoy มาที่ 473 ล้านบาท หรือคิดเป็น Norm Credit cost งวด 4Q65 ที่ 2.8% อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยคาด ASK จะมีการกลับรายการตั้งสำรองหนี้สูญ และหนี้สงสัยจะสูญส่วนเกิน (Management Overlay) ราว 140 ล้านบาท เนื่องจากประเมินว่ามีการเปิดประเทศแล้ว จะทำให้ความเสี่ยงของลูกหนี้ในกลุ่มท่องเที่ยวลดลง โดยฝ่ายวิจัยคาด ASK ยังมีสำรองหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญส่วนเกินคงเหลือ (Management Overlay) ราว 240 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2565 นอกจากนี้ ยังคาดสัดส่วน NPL/สินเชื่อสุทธิ ณ สิ้นงวด 4Q65 จะปรับเพิ่มขึ้นมาที่ 3.40% จาก 2.86% ณ สิ้นงวด 3Q65 ขณะที่คาด Coverage ratio ณ สิ้นงวด 4Q65 จะปรับลดลงมาที่ 79.6% ลดลงจากระดับ 89.5% ในงวดก่อน

ซึ่งมีน้ำหนักมากกว่าแนวโน้ม Spread เฉลี่ยงวด 4Q65 จะอ่อนตัวลงมาที่ 5.20% จาก 5.32% ในงวด 3Q65 จากแนวโน้ม Yields เฉลี่ยงวด 4Q65 จะอ่อนตัวลงเล็กน้อยมาที่ 7.85% จาก 7.89% ในงวด 3Q65 และคาด Cost of funds เฉลี่ยงวด 4Q65 จะปรับเพิ่มขึ้นมาที่ 2.65% จาก 2.57% ในงวดก่อน ผลกระทบจากทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่เป็นขาขึ้น โดยรวมแล้ว คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2565 เท่ากับ 1.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 25.7% yoy สอดคล้องกับประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 ที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้

ทิศทางกำใรจะเติบโตต่อเนื่องในปี 2566

คงประมาณการ คาดกำไรสุทธิปี 2566 จะเพิ่มขึ้น 14.7% จากแนวโน้มสินเชื่อสุทธิปี yoy 2566 จะเติบโต 15.7% yoy ผลบวกจากการเปิดประเทศ หนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจฟื้นตัว ส่งผลบวกต่อแนวโน้มความต้องการใช้รถบรรทุกในอุตสาหกรรมการเกษตร ขนส่ง และก่อสร้างฟื้นตัว

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยได้กำหนดแนวโน้ม Spread ปี 2566 ไว้อย่างระมัดระวังที่ 4.82% (ลดลงจาก 5.20% ในปี 2565) ซึ่งได้รวมผลกระทบจากทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นไว้ในประมาณการแล้ว (กำหนดสมมติฐาน Cost of fund ปี 2566 ที่ 3.00% เพิ่มขึ้นจาก 2.50% ในปี 2565)

อย่างไรก็ตาม แนวโน้ม Spread ของ ASK มีโอกาสดีกว่าประมาณการของฝ่ายวิจัยได้ผลบวกจากการปรับเพิ่มอันดับเครดิตเรทติ้งของ ASK ถึง 2 อันดับมาอยู่ที่ระดับ A (เดิม BBB+) เมื่อส.ค. 65 ซึ่งจะมีส่วนต่างของ Spread ในการกู้เงินใหม่ในเรทที่ดีขึ้นราว 0.9% (ยังไม่ได้รวมในประมาณการกำไรสุทธิปี 2566)

สำหรับความกังวลเกี่ยวกับหจก. คอนเทมโพลารี มาขอสินเชื่อเช่าซื้อรถบัสกับ ASK ในการซื้อรถบัส 50 คัน มูลค่าสินเชื่อคงเหลือราว 120 ล้านบาท แล้วนำไปปล่อยเช่าต่อให้กลุ่มตู้ห่าว โดยปัจจุบันลูกหนี้ดังกล่าวยังจ่ายค่างวดเป็นปกติ อย่างไรก็ตาม หากลูกหนี้กลุ่มดังกล่าวมีปัญหาและกลายเป็นหนี้เสีย ฝ่ายวิจัยประเมินว่า ASK ยังมีการสำรองหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญส่วนเกินคงเหลือ (Management Overlay) ราว 240 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2565 ซึ่ง ASK ได้ตั้งสำรองส่วนเกิน (Management Overlay) ไว้ในช่วงปี 2564-65 รองรับความเสี่ยงจากกลุ่มท่องเที่ยวในช่วงโควิด ซึ่งฝ่ายวิจัยประเมินว่าเพียงพอต่อลูกหนี้ในกลุ่มดังกล่าว

ทั้งนี้ ในเบื้องต้นคาดกำไรสุทธิงวด 1Q66 จะทรงตัวใกล้เคียงงวด 4Q65 (แต่เติบโต YoY) จากแนวโน้มการปล่อยสินเชื่อยังเติบโตได้ดีต่อเนื่อง แต่จะถูกหักล้างด้วยแนวโน้ม Credit cost งวด 1Q66 ที่จะปรับเพิ่มขึ้นบ้าง ผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อไปได้ทั้งหมด

VALUATION น่าสนใจ…แนะนําซื้อ

กําหนด FV ปี 2566 เท่ากับ 46 บาท อิง PBV 2.25 เท่า ตามวิธี GGM ภายใต้คาดการณ์ ROE เฉลี่ย 17.0% ราคาหุ้นปัจจุบันมี Valuation น่าสนใจ สะท้อนจาก PER ปี 2566 ที่ 10 และยังคาดหวัง Div yields ได้ราว 4-5% ต่อปี จึงยังแนะนำซื้อ

การให้ความสําคัญด้าน ESG

ด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) ให้ความสำคัญต่อการปฏิบัติตามแนวทาง และหลักความรับผิดชอบต่อสังคมและชุมชน รวมถึงการดำเนินธุรกิจภายใต้มาตรฐานสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท สนับสนุน และดำเนินกิจกรรมเพื่อประโยชน์ต่อสาธารณะ ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม ให้ความสำคัญกับการรักษาสิ่งแวดล้อม อาทิเช่น การรณรงค์ให้พนักงานใช้กระดาษทั้งสองหน้า รวมทั้งการเก็บเอกสารในรูป Digital (ไฟล์PDF) เพื่อเป็นการช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและเป็นการประหยัดทรัพยากร รวมทั้งบริษัทได้มีนโยบายเปิดไฟตามความจำเป็น โดยจะมีการปิดไฟในช่วงเวลาพักกลางวัน และปิดเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อื่นๆ ที่ใช้งานก่อนออกจากบริษัทเพื่อเป็นการสนับสนุนการประหยัดพลังงาน

ด้านสังคม (Social) บริษัทได้จัดทำโครงการมอบทุนการศึกษา สำหรับนักศึกษาระดับปริญญาตรีตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา โดยให้การสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการศึกษาเล่าเรียน สำหรับนักศึกษาชั้นปีที่ 4 ที่มีผลการเรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ รวมถึงการให้นักศึกษาได้รับทุนเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท ทั้งนี้ในปี 2564 มีโครงการมอบ ทุนการศึกษาในระดับปริญญาตรีจำนวน 14 ทุน รวมมูลค่าทั้งสิ้น 280,000 บาท อีกทั้งยังดำเนินกิจกรรมเพื่อช่วยเหลือสังคม โดยในปี 2564 บริษัทบริจาคเงินให้แก่ สภากาชาดไทย และโรงพยาบาล 2 แห่ง รวมเป็นเงิน 450,000 บาท เพื่อร่วมสมทบทุนมอบชุดธารน้ำใจเพื่อช่วยเหลือและเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ และจัดซื้ออุปกรณ์ เครื่องมือแพทย์ใช้ในสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด

ด้านธรรมาภิบาล (Governance) บริษัทมีแนวทางในการดำเนินธุรกิจอย่างมีคุณธรรม ตามหลักบรรษัทภิบาลที่ดี ยึดมั่นในความรับผิดชอบต่อสังคมและผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม โดยบริษัทได้จัดทำนโยบายการต่อต้านการทุจริต (Anti-Fraud Policy) ขึ้น เพื่อกำหนดความรับผิดชอบแนวปฏิบัติ และการป้องกันการทุจริต โดยบริษัทได้ผ่านการรับรองเป็นสมาชิกโครงการแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต นอกจากนี้มีนโยบายในการส่งเสริมให้พนักงานได้ฝึกฝน และพัฒนาตนเองอย่างสม่ำเสมอ ให้เหมาะสมตามแต่ละสายงาน ทั้งระดับผู้บริหารซึ่งจะเน้นทักษะในเรื่องของการบริหารงานและด้านจิตวิทยา และระดับปฏิบัติงานซึ่งจะเน้นในเรื่องของทักษะและเทคนิคในการปฏิบัติงาน โดยในปี 2564 บริษัทและบริษัทย่อยได้จัดให้มีการอบรมทั้งเป็นการจัดอบรมภายใน และเข้าร่วมอบรมจากสถาบันภายนอกแก่พนักงานและผู้บริหาร รวมทั้งสิ้น 53 ครั้ง โดยเป็นการจัดอบรมภายใน 19 ครั้ง ครอบคลุมเนื้อหาเกี่ยวกับการสนับสนุนการทำงานของบริษัท

ประเด็นความเสี่ยง

  1. สินเชื่อสุทธิเติบโตต่ำกว่าคาด จะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มรายได้และกําไรสุทธิของ ASK
  2. คุณภาพสินทรัพย์และแนวโน้มการเกิด NPL ใหม่ๆ
  3. อัตราดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น
  4. กฎหมายและข้อบังคับจากภาครัฐ
- Advertisement -