บล.ทรีนีตี้

ธนาคารกสิกรไทย – KBANK

ซื้อ: ราคาเป้าหมาย 167 บาท, Upside/Downside +13%, Median Consensus 171.50 บาท

มองเป็นกลางต่อการประชุมนักวิเคราะห์

  • KBANK ให้เป้าหมายทางการเงินปี 66 จากการประชุมนักวิเคราะห์ ซึ่งตัวเลขส่วนใหญ่สอดคล้องกับประมาณการเดิมที่เราทำไว้
  • สินเชื่อปี 66 จะเติบโตดีจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
  • สํารองหนี้อาจลดลง แต่ยังอยู่ในระดับสูง
  • การขาย KAsset ยังอยู่ระหว่างการพูดคุย แต่จากธุรกรรมที่เคยเกิดขึ้น มองว่าในภาพรวมจะเป็นบวกต่อผลประกอบการ
  • คงราคาเป้าหมาย 167 บาท ราคาหุ้นยังพอมี Upside จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”

มองเป็นกลางต่อการประชุมนักวิเคราะห์

จากการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวันที่ 27 ม.ค. 66 ที่ผ่านมา ทางธนาคารได้แจ้งเป้าหมายทางการเงินในปี 2566 โดยมีประเด็นสำคัญ คือ เป้าสินเชื่อเติบโตราว 5-7% (เราคาด 5%) ซึ่งจะเป็นการเติบโตของสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ที่ดีขึ้น ตามแนวโน้มการฟื้นตัวของลูกหนี้ที่อิงกับกลุ่มท่องเที่ยว และเป้าของ NIM อาจทรงตัวหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย (เราคาด 3.51% จากปี 2565 ที่ 3.50%) โดย NIM อาจไม่สูงเช่นใน 4Q65 เนื่องจากยังมีแรงกดดันจากการเพิ่มเงินนำส่ง FIDF และการปรับขึ้นของดอกเบี้ยเงินฝาก โดยเฉพาะเงินฝากประจำ ขณะที่เป้า Credit Cost อยู่ที่ 175-200 bps (เราคาด 185 bps) ซึ่งลดลงจาก 211 bps ในปี 2565 แต่ยังอยู่ในระดับที่สูง แม้ว่าใน 4Q65 จะมีการตั้งสำรองจากการ Write-off และขาย NPL ออกไป รวมถึงมีการตั้งสำรองส่วนเกินเพื่อรองรับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตาม ธนาคารจะยังคงมาตรการจัดการ NPL ในเชิงรุก ทั้ง Write-off และขาย NPL เพิ่มเติม ทำให้ต้องตั้งสำรองในระดับสูงต่อ นอกจากนี้ยังคาดว่าลูกหนี้ที่หมดมาตรการช่วยเหลือ และลูกหนี้ในส่วน High Yield ที่ธนาคารปล่อยในปี 2565 ที่ผ่านมาจะยังคงกดดัน อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมเป้าทางการเงินของธนาคารยังสอดคลองกับประมาณการเดิมที่เราทำไว้ เราจึงยังคงประมาณการกำไรปี 2566 ใกล้เคียงเดิมที่ 41,023 ล้านบาท (+15%YoY)

ธุรกรรม KAsset ยังอยู่ระหว่างการพูดคุย

สำหรับประเด็นข่าวเรื่องการขาย บลจ.กสิกรไทย นั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพูดคุย ทำให้ธนาคารยังไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับผู้ที่จะเข้ามาซื้อ สัดส่วนในการซื้อ ราคาซื้อ และเงื่อนไข อื่นๆ แต่หากอิงจากธุรกรรมที่ใกล้เคียงกันที่เกิดในช่วงก่อนหน้า คาดว่าธุรกรรมดังกล่าวจะเป็นบวก เนื่องจากมักขายกันที่ราคาสูงกว่ามูลค่าทางบัญชี (คาดอยู่ที่ราว 2-3 เท่า) ทำให้มีกำไรจากการขาย บวกกับมักมีเงื่อนไขอื่นๆ เช่น การใช้ช่องทางของธนาคารในการขายผลิตภัณฑ์ ทำให้มีการบันทึกรายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมเข้ามาในแต่ละปี นอกจากนี้ยังอาจเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่จะขายในอนาคตอีกด้วย

คงราคาเป้าหมาย 167 บาท ยังพอมี Upside

เราคงราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 167 บาท อิง PBV 0.78 เท่า ราคาหุ้นยังพอมี Upside จึงคงคําแนะนํา “ซื้อ”

ความเสี่ยง: การชะลอตัวของเศรษฐกิจ / คุณภาพหนี้ที่แย่ลง

- Advertisement -