บล.บัวหลวง:

Refining & Chemical – ค่าการกลั่นปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่ส่วนต่างราคา ปิโตรเคมีส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง (NEUTRAL)

ค่าการกลั่นปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในสัปดาห์ที่ผ่านมา หนุนโดยส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ทุกประเภทที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น  ในขณะที่ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีปรับตัวลดลงเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งถูกกดดันโดยต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้เรายังคงชอบ TOP และ IVL มากที่สุด

การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งอาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อการฟื้นตัวของอุปสงค์ และโควต้าการส่งออกผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปของประเทศจีน ซึ่งจะเพิ่มอุปทานในตลาดเป็นปัจจัยที่น่าจับตามอง เนื่องจากอาจกดดันค่าการกลั่นให้ปรับตัวลดลง ในทางกลับกับการเปิดประเทศจีนในปัจจุบันจะเป็นปัจจัยหนุนอุปสงค์น้ำมันสำเร็จรูป และผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี รวมทั้งค่าการกลั่นและส่วนต่างราคาปิโตรเคมี

เรายังคงชอบ TOP มากที่สุดในหุ้นกลุ่มโรงกลั่น เนื่องจากการเป็นผู้ผลิตที่มีประสิทธิภาพด้านต้นทุนการผลิต ซึ่งจะส่งผลให้กําไรมีความไวต่อการปรับตัวสูงขึ้นของค่าการกลั่น และเรายังคงชอบ IVL มากที่สุดในกลุ่มปิโตรเคมี  เนื่องจากแนวโน้มกำไรหลักปี 2566 ที่แข็งแกร่ง รวมทั้งมีอัพไซต์ต่อแนวโน้มการเติบโตระยะยาวจากการลงทุนและ/หรือการเข้าซื้อกิจการใหม่

ค่าการกลั่นปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องอีก 2.09 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 12.31 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หนุนโดยส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ทุกประเภทที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น อุปสงค์ในภูมิภาคที่แข็งแกร่ง, การส่งออกจากจีนที่ลดลง, และสต็อกในสิงคโปร์ที่ลดลงอุปทานที่ลดลง ส่งผลให้ส่วนต่างราคาก๊าซโซลีนปรับตัวขึ้น 3.26 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 23.68 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล (ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อ SPRC มากที่สุด) นอกจากนี้ อุปสงค์ในเอเชียและฝั่งตะวันตกที่เพิ่มขึ้น, อุปทานที่จำกัดเนื่องจากการประท้วงในฝรั่งเศส และการส่งออกจากจีนที่ลดลง ส่งผลให้ส่วนต่างราคาน้ำมันเครื่องบินและส่วนต่างราคาดีเซลปรับตัวขึ้น 2.61 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ ที่ 38.19 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และ 1.64 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 36.30 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ตามลำดับ (ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อ TOP มากที่สุด) นอกจากนี้สต็อกในสิงคโปร์ที่ลดลงส่งผลให้ส่วนต่างราคาน้ำมันเตาที่มีส่วนผสมของคํามะถันในระดับสูงปรับตัวขึ้น 0.80 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ -18.74 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล (แย่กว่าระดับปกติในช่วงก่อน IMO2020 ที่ ติดลบ -4-5 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลค่อนข้างมาก)

ส่วนต่างราคาเอริลีนและส่วนต่างราคาโพรพิลีนปรับตัวลดลง WoW

ต้นทุนวัตถุดิบแนฟทาที่เพิ่มขึ้น และอุปสงค์ในภูมิภาคที่ฟื้นตัว ส่งผลให้ราคาเอธิลีนปรับตัวขึ้น 15 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 755 เหรียญสหรัฐ/ตัน และหนุนให้ราคาโพรพิลีนทรงตัว WoW อยู่ที่ 875 เหรียญสหรัฐ/ตัน ใน สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบแนฟทาปรับตัวขึ้น 24 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 719 เหรียญสหรัฐ/ตัน ส่วนต่างราคาเอธิลีนจึงปรับตัวลง 9 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 36 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบเชิงลบต่อ PTTGC มากที่สุด) และส่วนต่างราคาโพรพิลีนปรับตัวลง 24 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 156 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบเชิงลบต่อ IRPC มากที่สุด)

ส่วนต่างราคา HDPE และส่วนต่างราคา PP ปรับตัวลดลง WoW

ต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นและอุปสงค์ที่ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากการเปิดประเทศจีนส่งผลให้ราคา HDPE และราคา PP ปรับตัวขึ้น 10 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 1,040 และ 20 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 1,060 เหรียญสหรัฐ/ตัน ตามลำดับ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบแนฟทาปรับตัวเพิ่มขึ้นเร็วกว่าราคาผลิตภัณฑ์ ส่งผลให้ส่วนต่างราคา HDPE เทียบกับแนฟทาปรับตัวลง 14 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 321 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบเชิงลบต่อ PTTGC มากที่สุด) และส่วนต่างราคา PP ปรับตัวลดลง 4 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 341 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบเชิงลบต่อ IRPC มากที่สุด)

ส่วนต่างราคา MEG และส่วนต่างราคา PVC ปรับตัวลดลง WoW

ต้นทุนวัตถุดิบเอธิลีนที่เพิ่มขึ้น, แรงซื้อในเอเชียที่แข็งแกร่ง, และราคาวัตถุดิบร่วม PTA ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคา MEG ทรงตัว WoW อยู่ที่ 545 เหรียญสหรัฐ/ตัน ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากต้นทุนเอธิลีนปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ส่วนต่างราคา MEG ปรับตัวลง 9 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 69 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบเชิงลบต่อ PTTGC มากที่สุด) ในขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบเอธิลีนที่เพิ่มขึ้น และอุปสงค์ในภูมิภาคที่แข็งแกร่ง ส่งผลให้ราคา PVC ทรงตัว WoW อยู่ที่ 900 เหรียญสหรัฐ/ตัน เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบเอธิลีนปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ส่วนต่างราคา PVC ปรับตัวลง 8 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 523 เหรียญสหรัฐ/ ต้น (ส่งผลกระทบเชิงลบต่อ PTTGC มากที่สุด)

คาดค่าการกลั่นทรงตัวแข็งแกร่ง YoY และเพิ่มขึ้น QoQ ในไตรมาส 1/66

อุปสงค์น้ำมันดีเซล, น้ำมันเครื่องบิน, และน้ำมันเตาที่มีส่วนผสมกำมะถันในระดับสูง คาดว่าจะแข็งแกร่งในไตรมาส 1/66 หนุนโดยอุปสงค์ตามฤดูกาลที่สูง และอุปสงค์การเปลี่ยนการใช้ก๊าซเป็นน้ำมัน จากมุมมองด้านอุปทาน การปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นในฤดูใบไม้ผลิ, อุปทานที่ลดลงจากรัสเซีย, สต็อกน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ, และกำลังการกลั่นใหม่ที่มีจำกัดจะเป็นปัจจัยที่จำกัดอุปทานต้นทุนน้ำมันดิบ (พรีเมี่ยมของน้ำมันดิบ) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น YoY แต่ทรงตัว QoQ ในไตรมาส 1/66 ดังนั้นจากแนวโน้มดังกล่าว เราจึงคาดว่าค่าการกลั่นจะทรงตัวแข็งแกร่ง YoY และเพิ่มขึ้น QoQ ในไตรมาส 1/66

หากการเริ่มดำเนินงานเชิงพาณิชย์ของโรงกลั่นใหม่ไม่เป็นไปตามแผน หรือมีการหยุดโรงกลั่นโดยไม่ได้วางแผนล่วงหน้า (สาเหตุจากไฟไหม้, สงคราม, ภัยธรรมชาติ เป็นต้น) จะส่งผลให้อุปทานตึงตัว อาจเป็นอัพไซต์ต่อค่าการกลั่น นอกจากนี้การเปิดประเทศของจีนจะหนุนอุปสงค์น้ำมันสำเร็จรูปและน่าจะส่งผลดีต่อค่าการกลั่น ในทางกลับกันการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งอาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อการฟื้นตัวของอุปสงค์ และโควต้าการส่งออกผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปของประเทศจีน ซึ่งจะเพิ่มอุปทานในตลาดเป็นปัจจัยที่น่าจับตามอง เนื่องจากอาจกดดันค่าการกลั่นให้ปรับตัวลดลง

ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีส่วนใหญ่มีแนวโน้มปรับตัวลง YoY และทรงตัว QoQ ในไตรมาส 1/66

การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มที่จะกดดันอุปสงค์ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีในไตรมาส 1/66 ให้ชะลอตัวลง นอกจากนี้การเริ่มดำเนินงานเชิงพาณิชย์ของกำลังการผลิตใหม่ และต้นทุนวัตถุดิบที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่องจะกดดันส่วนต่างราคาปิโตรเคมีบางประเภทในไตรมาส 1/66 จากแนวโน้มดังกล่าว เราจึงคาดว่าส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีส่วนใหญ่จะอ่อนตัวลง YoY และยังคงทรงตัว QoQ ในไตรมาสดังกล่าว อย่างไรก็ตาม อุปทานที่มีจำกัด ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายการควบคุมมลพิษของจีน ความล่าช้าในการเริ่มดำเนินงานของกำลังการผลิตใหม่ และ/หรือ อุปสงค์ที่ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากการเปิดประเทศของจีน อาจเป็นอัพไซด์ต่อราคาและส่วนต่างราคาปิโตรเคมี

- Advertisement -