บล.กรุงศรีฯ:
INVESTMENT STRATEGY – ถึงเวลาโยกออกจากหุ้น cyclical แล้ว
หลังจากที่หุ้นไทยดีดกลับขึ้นมา 7.5% จากจุดต่ำสุดรอบนี้ที่ 1560 เมื่อเดือนตุลาคม 2022 เรามองว่าโมเมนตัมด้านบวกของดัชนี SET แผ่วหายไปอย่างรวดเร็ว เราพบสัญญาณเศรษฐกิจที่อ่อนแอชัดเจนมากขึ้นในหลาย ๆ ด้าน อย่างเช่น การส่งออกที่หดตัวมากขึ้นควบคู่ไปกับการผลิตในประเทศที่ลดลง ซึ่งทำให้เกิดความกังวลอย่างมากต่อแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทในตลาด นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งปัจจัยที่เราอยากกล่าวถึงในที่นี้ คือภาวะการเงินของประเทศไทยที่ตึงตัวขึ้นจนถึงระดับที่อาจจะสร้างความเสียหายต่อการเติบโตของเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ส่วนในแง่ของกลยุทธ์การลงทุน เราแนะนำให้นักลงทุนปรับสถานะการลงทุนไปเน้นหุ้นในกลุ่ม defensive มากขึ้น อย่างเช่นกลุ่มบริการ และโรงพยาบาล ในขณะที่หุ้นปันผลสูงก็ดูน่าสนใจ ณ จุดนี้
เป็นความเสี่ยงที่คาดเอาไว้แล้ว หรือ ถูกฉุดกลับมาสู่ความเป็นจริง
เราเชื่อว่านักลงทุนได้เตรียมตัวสำหรับความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในกลุ่ม DM ไปแล้วในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อโลกที่แผ่วลงทำให้พอคลายใจลงได้บ้างว่าเศรษฐกิจอาจจะไม่ได้อ่อนแออย่างหนัก และผลประกอบการน่าจะออกมาไม่น่าผิดหวังนัก ทั้งนี้ นอกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีขึ้นในยุโรป (ส่วนใหญ่เป็นเพราะสามารถหลีกเลี่ยงวิกฤติพลังงานไปได้) กิจกรรมทางเศรษฐกิจในเศรษฐกิจหลักอื่น ๆ ชะลอตัวลงมากยิ่งขึ้นแทบทั้งนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เราคิดว่าการผลิต และการค้าของ EM จะเป็นศูนย์กลางการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก อย่างน้อยก็จนกว่าอุปสงค์ในประเทศของจีนจะกลับมาเริ่มขยับขึ้น สำหรับประเทศไทยไม่ต้องสงสัยเลยว่าการส่งออกจะยังคงชะลอตัวต่อในชวงเดือนต่อ ๆ ไป ท่ามกลางการแข็งค่าของเงินบาท ซึ่งมีแต่จะซ้ำเติมให้สถานการณ์ยิ่งย่ำแย่หนักขึ้นอีก เราคาดว่าทั้งเศรษฐกิจ และตลาดของไทยจะได้รับผลกระทบในเร็ว ๆ นี้ เว้นแต่ว่าภาวะทางการเงิน (FCI) ที่ตึงตัวอย่างผิดปกติอยู่ในปัจจุบันจะคลี่คลายลง
ณ จุดนี้ ควรจะวางตำแหน่งพอร์ตการลงทุนไว้ตรงไหนดี?
เนื่องจาก profile ความเสี่ยงค่อนไปในทางที่การเติบโตของเศรษฐกิจจะอ่อนแอเกินคาด (เพราะการส่งออกอ่อนแอ) และภาวะการเงินที่ตึงตัว เราจึงแนะนำให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงหุ้นที่อิงอยู่กับวัฏจักรเศรษฐกิจ (โดยเฉพาะด้านการส่งออก และการผลิต) ซึ่งเมื่ออิงตามสถิติ เราพบว่าหุ้นกลุ่มธนาคาร, ยานยนต์, อสังหาริมทรัพย์ และ อิเล็กทรอนิกส์มีแนวโน้มจะปรับตัวลง ในขณะที่กลุ่มสื่อสาร, โรงพยาบาล, ขนส่ง และ REIT น่าจะปรับตัวได้ค่อนข้างดี