บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Action TRADING (Upgrade)
TP upside (downside) +2.6%
Close Jan 30, 2023 Price (THB) 171.50
12M Target (THB) 176.00
Previous Target (THB) 176.00
What’s new?
- ประกาศงบ 4Q65 มีกำไรสุทธิ 1.6 หมื่นล้านบาท -35% QoQ แต่ +47% YoY สูงกว่าที่เราและตลาดประเมินไว้ เพราะภาษีจ่ายน้อยกว่าคาด
- กำไรลดลง QoQ จากค่าใช้จ่ายพิเศษจำนวนมาก แต่กำไรปกติยังแข็งแกร่ง เติบโต QoQ และ YoY จากปริมาณขาย และราคาขายก๊าซ
- คาดระยะสั้นราคาน้ำมันยังแข็งแกร่งจาก 1) พัฒนาการเชิงบวกของเศรษฐกิจโลก 2) การเปิดประเทศของจีน 3) โอกาสสหรัฐฯ ซื้อน้ำมันกลับเข้าคลัง SPR ช่วยจํากัด Downside
Our view
- คงประมาณการกำไรปกติปี 2566 ที่ 7.2 หมื่นล้านบาท -22% YoY จากระดับ All-time high ในปี 2565
- ทั้งนี้ 1) ราคาหุ้น -9% ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา แย่กว่า SET และราคาน้ำมัน สะท้อนแนวโน้มงบ 4Q65 ที่อ่อนแอไปมากแล้ว 2) มองข้ามไป 1Q66 คาดกำไร ฟื้นตัว QoQ และ YoY จากค่าใช้จ่ายพิเศษลดลง ต้นทุนผลิตระดับต่ำ ราคาก๊าซยังอยู่สูง และ 3) ราคาน้ำมันจะเคลื่อนไหวได้ดีในระยะสั้นจากแรงหนุนของปัจจัยมหภาค และอุปสงค์จีนเปิดประเทศ ปรับคำแนะนำเป็น TRADING
PTT EXPLORATION & PRODUCTION งบ 4Q65 ไม่ลดลงเท่าที่คาด
ประกาศงบ 4Q65 ลดลง QoQ แต่ดีกว่าเราและตลาดประเมินไว้
ประกาศงบ 4Q65 กำไรสุทธิ 1.6 หมื่นล้านบาท -35% QoQ แต่ +47% YoY ดีกว่าที่เรา และ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ 22-38% จากภาษีจ่ายน้อยกว่าคาด เพราะสัดส่วนรายได้โครงการ G1, G2, Algeria HBR (มีอัตราภาษีเพียง 20%) เพิ่มขึ้น ภาพรวมผลประกอบการลดลง QoQ มาจากค่าใช้จ่ายพิเศษราว 1.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งสุทธิจาก 1) ด้อยค่าความล่าช้าโครงการโมซัมบิก 190 ล้านเหรียญฯ (บนสมมติฐานว่าจะเข้าพื้นที่ก่อสร้างได้ช่วง 2H66) 2) ด้อยค่าจากการจำหน่ายเงินลงทุนโครงการในแองโกลา 15 ล้านเหรียญฯ 3) ตั้งสำรองค่าใช้จ่ายไกล่เกลี่ยกรณีน้ำมันรั่วไหล 129 ล้านเหรียญฯ 4) ขาดทุน Hedging FX 50 ล้านเหรียญฯ 5) กลับรายการหนี้สินจากเงื่อนไขการ M&A โครงการ Oman Block 61 จำนวน 71 ล้านเหรียญฯ อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานหลักยังขยายตัว QoQ และ YoY จากปริมาณขายเพิ่มขึ้นเป็น 500kboed (All-time high) และการเพิ่มขึ้นของราคาก๊าซธรรมชาติเป็น US$6.7 mmbtu (สูงสุดตั้งแต่เกิด Covid ใน 1Q63) ส่งผลให้ปี 2565 มีกำไรสุทธิ 7.1 หมื่นล้านบาท +82% YoY และทำระดับสูงสุดใหม่ โดยบริษัทฯ ประกาศจ่ายปันผลงวด 2H65 ที่ 5.0 บาท/หุ้น (Yield 2.9%) ขึ้น XD วันที่ 14 ก.พ. จ่ายเงิน 24 เม.ย. 2566
กำไรผ่านช่วงที่ดีสุดไปแล้ว…. แต่ระยะสั้นคาด 1Q66 ฟื้นตัว
สำหรับปี 2566 คาดผลการดำเนินงานหลักลดลง YoY ตั้งแต่ 2Q66 เป็นต้นไป ตามทิศทางราคาก๊าซธรรมชาติที่เริ่มต่ำลงตั้งแต่เดือนเม.ย. ที่เป็นรอบปรับสัญญาราคาขายท่ามกลางต้นทุนการผลิตเร่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้นคาดกําไรสุทธิ 1Q66 ฟื้นตัว QoQ และ YoY จากค่าใช้จ่ายพิเศษลดลง, ราคาก๊าซยังอยู่ระดับสูง, ต้นทุนต่อหน่วยอยู่ระดับต่ำตามปัจจัยฤดูกาล คงประมาณการกำไรปกติปี 2566 ที่ 7.2 หมื่นล้านบาท -22% YoY จากสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบที่ US$85/bbl (เทียบกับ US$96/bbl ในปี 2565) ประเมิน Sensitivity ราคาน้ำมัน US$1. bbl จะมีผลต่อกำไร 830 ล้านบาท ราคาเหมาะสม 2.2 บาท
ราคาน้ำมันมีสัญญาณบวกมากขึ้น
เรามีมุมมองที่ดีต่อทิศทางราคาน้ำมันในระยะสั้นจาก 1) พัฒนาการเชิงบวกด้านเศรษฐกิจมหภาค เช่น แนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยไม่รุนแรง หลังอัตราเงินเฟ้อกำลังผ่านจุดสูงสุด, สำนักงานเศรษฐกิจหลายแห่งปรับเพิ่มประมาณการเติบโต GDP โลกปี 2566, โอกาสเกิดเศรษฐกิจถดถอยรุนแรง โดยเฉพาะภูมิภาคตะวันตกเริ่มลดลง 2) ความต้องการใช้จากจีนฟื้นตัวหลังยกเลิกมาตรการควบคุม Covid เร็วกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้า โดยอนุญาตให้ผู้เดินทางเข้าไปประเทศไม่จำเป็นต้องรับการกักตัวตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. และอนุญาตให้นักท่องเที่ยวแบบกลุ่มเดินทางออกนอกประเทศได้ตั้งแต่ 6 ก.พ. 3) โอกาสสหรัฐฯ เข้าซื้อน้ำมันกลับเข้าคลังเชิงยุทธศาสตร์ (SPR) ที่ปัจจุบันอยู่ระดับต่ำสุดรอบ 39 ปี (ช่วงต้นเดือนธ.ค. 2565 ที่ราคาน้ำมันอยู่ระดับ US$70-75/bbl สหรัฐฯ เริ่มซื้อน้ำมันกลับเข้าคลังแล้ว)
ปรับคําแนะนําเป็น TRADING
2 เดือนที่ผ่านมาราคาหุ้น -9% ส่วนทางดัชนี SET +3% และราคาน้ำมันในตลาดโลกทรงตัว ถือว่าสะท้อนทิศทางงบ 4Q65 ที่ถูกกดดันจากรายการพิเศษไปมากแล้ว คาดระยะสั้นหุ้นจะสามารถฟื้นตัวตามราคาน้ำมันที่มีประเด็นสนับสนุนจากปัจจัยด้านมหภาค – อุปสงค์จากประเทศจีน, งบ 4Q65 ไม่แย่เท่าที่คาด และแนวโน้มงบ 1Q66 ฟื้นตัว ทางพื้นฐานจึงปรับคำแนะนำเป็น “TRADING” (เดิม “ขาย”) คงราคาเหมาะสม 176.00 บาท/หุ้น