บล.บัวหลวง:

Bangkok Chain Hospital (BCH TB/BCH.BK)

BCH – การลงทุนในโรงพยาบาลใหม่ จะเป็นตัวขับเคลื่อน BCH ในระยะยาว

BCH ประกาศซื้อที่ดินจังหวัดสมุทรปราการ จัดตั้งโรงพยาบาลแห่งใหม่เพื่อรับรองผู้ป่วยประกันสังคม (268 เตียง) ภายใต้ชื่อ รพ.เกษมราษฎร์ สุวรรณภูมิ เรามองว่าเป็นการเริ่มต้นแผน 5 ปีที่ดี ซึ่งภายใต้การลงทุนใหม่ งบดุล BCH ยังคงแข็งแกร่ง เราคงคําแนะนํา ชื้อ!

การซื้อที่ดินสําหรับโรงพยาบาลแห่งใหม่

เมื่อวันที่ 31 ม.ค. BCH ประกาศอนุมัติซื้อที่ดิน อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ เนื้อที่รวม 25 ไร่ มูลค่ารวม 350 ล้านบาท เพื่อจัดตั้งโรงพยาบาลแห่งใหม่ (ขนาด 268 เตียงผู้ป่วย) ภายใต้ชื่อโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ สุวรรณภูมิ โดย BCH จะใช้งบลงทุนก่อสร้างและซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ทั้งหมด 1.2 พันล้านบาท โครงการนี้คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ภายในปี 2567 และคาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2569

สมุทรปราการมีอะไรดี?

จังหวัดสมุทรปราการตั้งอยู่ในพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่มีศักยภาพในการหนุนการเจริญเติบโตของกรุงเทพมหานคร ซึ่งเดินทางง่าย คมนาคมสะดวก และเป็นที่ตั้งของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นอกจากนี้ จังหวัดสมุทรปราการเป็นเขตนิคม อุตสาหกรรมที่มีโรงงานอุตสาหกรรมจำนวนมาก ในปี 2565 จังหวัดสมุทรปราการมีผู้ประกันตนตามโครงการประกันสังคมกว่า 881,000 ราย กว่า 67% ของประชากรอยู่ในวัยทำงานซึ่งอยู่ในช่วงอายุ 15 – 59 ปี

แผน 5 ปี ของ BCH หนุนการเติบโตอย่างยั่งยืน

ตะวันออกของประเทศไทย โดยเฉพาะในโรงพยาบาลประกันสังคม เมื่อเทียบกับภายใต้แผน 5 ปี ของ BCH บริษัทต้องการขยายส่วนแบ่งการตลาดในภาค คู่แข่งในภาคตะวันออก ได้แก่ CHG 3, PRINC สุวรรณภูมิ, รพ.บางนา 2, รพ. รวมชัยประชารักษ์, รพ.บางบ่อ, รพ.บางเสาธง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มความคุ้มครองผู้ป่วยทั้งผู้ป่วยปกติ และผู้ป่วยในโครงการประกันสังคม (สปส.) โดย BCH มีแผนพัฒนาศูนย์การแพทย์เฉพาะทางครบวงจร พร้อมด้วยบุคลากรทางการแพทย์มืออาชีพจากหลากหลายสาขา ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่ผู้ป่วยระหว่างโรงพยาบาลในเครือส่งเสริมศักยภาพการแข่งขันในอนาคต

งบดุลที่แข็งแกร่งหนุนการลงทุนใหม่

BCH จะใช้งบลงทุนก่อสร้าง และซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์จํานวน 1.2 พันล้านบาท เราคาดว่าโรงพยาบาลแห่งใหม่จะเริ่มดำเนินการโดยมีภาระขาดทุน ซึ่งจะรายงาน EBITDA margin ที่ -20% ในปีแรก (2569) และเพิ่มขึ้นเป็น -10% ในปี 2570 และเราคาดว่า BCH จะถึงจุดคุ้มทุนใน EBITDA margin ในปี 2572 (3 ปีนับตั้งแต่เปิดดำเนินการ) ดังนั้น เรามองว่าโรงพยาบาลแห่งใหม่นี้จะสร้างกำไรระยะยาวเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับการคาดการณ์ปัจจุบันของเรา เราคาดอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของ BCH ในปี 2567 ที่ 0.8 เท่า ภายใต้งบลงทุน \ที่ 1.2 พันล้านบาท อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นใหม่จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 0.9 เท่า ซึ่งงบดุลยังคงแข็งแกร่ง

อุปสงค์จากจีนจะหนุนโอกาสในการเติบโตต่อเนื่อง

เรามองเห็นปัจจัยบวกที่จะผลักดันกำไรในระยะกลางถึงระยะยาว โดยเราคาดรายได้ใหม่ในระยะยาวจะมากจากอุปสงค์ของชาวจีนในการทำเด็กหลอดแก้ว (In vitro Fertilization Treatment – IVF) รัฐบาลจีนอนุญาตให้คู่รักมีลูกได้ 3 คน (เพิ่มขึ้นจากสอง)

 

- Advertisement -