Our View? “เรี่ยวแรงยังไม่มี”
คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1,680 / 1,675 และแนวต้านที่บริเวณ 1,690 / 1,700 เมื่อวานนี้การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.50% ตามที่ตลาดคาดไว้ ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินแบบ Main Refinancing Rate อยู่ที่ระดับ 3.00%, Marginal Lending Facility อยู่ที่ระดับ 3.25% และ Deposit Facility Rate อยู่ที่ระดับ 2.50% อีกทั้ง ECB ยังคงส่งสัญญาณถึงแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องเพื่อกดดันอัตราเงินเฟ้อให้ลดลง โดยคาดจะขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งที่ระดับ 0.50% ในเดือน มี.ค. แม้จะมองเป็นปัจจัยลดทอนกระแสเงินทุนส่วนเกินจากทางฝั่งยุโรปต่อเนื่อง แต่มองจะกระตุ้นค่าเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ช่วยหนุนทิศทางดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงได้ต่อในภาพระยะกลาง กระตุ้นกระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดในภูมิภาคได้ต่อ
ขณะที่เมื่อวานนี้การเคลื่อนไหวของหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐปรับตัวขึ้นได้ดี โดย Nasdaq ปรับขึ้นแรงกว่า 3.25% เมื่อคืนนี้ ตามแนวโน้มการเริ่มชะลอการขึ้นดอกเบี้ยและการเข้าใกล้จุดสูงสุดเป้าหมายดอกเบี้ยของธนาคาร กลางสหรัฐ (FED) แล้ว ตามการส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้ถึงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยสหรัฐมีโอกาสอยู่ต่ำกว่าระดับ 5.00% หนุนหุ้นในกลุ่ม Growth Stock ปรับตัวขึ้นได้ดี มองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกกระตุ้นแรงเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มชิ้นส่วน อิเล็กทรอนิกส์ (KCE, HANA และ SVI) รวมทั้งกลุ่ม Tech Consult (BBIK, BE8 และ IIG) ได้บ้าง
ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ส่งมอบเดือน มี.ค. เมื่อคืนนี้ปรับตัวลงต่อปิดที่ระดับ 75.88 ดอลลาร์/บาร์เรล -0.53 ดอลลาร์ (-0.69%) คาดยังคงได้รับแรงกดดันจากตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐรายสัปดาห์ของสํานักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เพิ่มขึ้น 4.1 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่ตลาดคาดไว้มาก รวมทั้ง เมื่อวานนี้ตัวเลขค่าสั่งซื้อภาคโรงงานเดือน ธ.ค. ปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 1.8% น้อยกว่าที่ตลาดคาด คาดจะกดดันทิศทางราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานถ่วงตลาดได้บ้าง อย่างไรก็ตาม เรามองราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI อ่อนตัวลงสู่แนวรับทางเทคนิคที่บริเวณ 75.0+/- ดอลลาร์ ไปแล้วคาดมีโอกาสรีบาวได้บ้างในระยะสั้น
สําหรับปัจจัยในประเทศเรายังคงแนะนำให้ติดตามการรายงานผลประกอบการ 4Q′65 ต่อเนื่อง คาดจะส่งผลให้ตลาดผันผวนได้บ้างในช่วงสั้น ตามการเปิดเผยผลประกอบการของบาง บจ. และหุ้นในกลุ่มธนาคารที่น้อยกว่าที่ตลาดคาด อย่างไรก็ตาม เรามองเป็นโอกาสในการเข้าซื้อหุ้นบางกลุ่มที่ปรับตัวลงแรงจากแรงขายลดความเสี่ยงจากแนวโน้มผลประกอบการออกมาไม่สดใส อาทิ หุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF, GPSC และ BGRIM) ถึงแม้ตลาดจะเริ่มพูดถึงแนวโน้มผลประกอบการ 4Q′65 จะออกมาแย่กว่าที่ตลาดคาด แต่เรามองแนวโน้มการฟื้นตัวจะชัดเจนมากขึ้นตั้งแต่ 1Q′66 ตามรายได้ที่เพิ่มขึ้นตามค่า Ft. รวมทั้งต้นทุนที่ลดลงจากราคาก๊าซธรรมชาติปรับตัวลดลงต่อเนื่องหนุนทิศทางผลกำไรใน 1Q’66 สดใส รวมทั้งเรายังคงชอบหุ้นในกลุ่มธนาคาร (KBANK, SCB, BBL, KTB และ TTB) ที่คาดจะสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นได้ หลังการเปิดเผยผลประกอบการออกมาแย่กว่าคาด อย่างไรก็ตาม ทิศทางเศรษฐกิจไทยที่เติบโตชัดเจนมากขึ้น รวมทั้งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง คาดเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่มธนาคารได้ต่อ รวมทั้งเรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อการที่ เศรษฐกิจไทยคาดจะได้รับประโยชน์จากการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน โดยล่าสุดกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของจีนประกาศอนุญาตให้บริษัทนำเที่ยวสามารถจัดการท่องเที่ยวแบบหมู่คณะสำหรับชาวจีนไปประเทศต่างๆ 20 ประเทศ รวมถึงประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ. คาดไทยจะเป็นเป้าหมายหลักจากการท่องเที่ยวดังกล่าว มองเป็นปัจจัยบวกหนุนหุ้นในกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการที่จีนเปิดประเทศปรับตัวขึ้นได้ต่อ อาทิ AOT, AAV, BA CENTEL, MINT, ERW, AWC, SPA, AU, BAFS, MBK, VGI, PLANB, TKN และ SCC
ธีมการลงทุน “Selective Play”
หุ้นแนะนําวันนี้ “IIG”
กลยุทธ์ เก็งกำไร แนวรับ 40.50 / 39.50 Target 44.00 / 46.00 Stop <39.00