บล.บัวหลวง:

Finance – สินเชื่อที่เติบโตเป็นปัจจัยหนุนกำไร YoY ใน ไตรมาส 4/65 และปี 2566 (UNDERWEIGHT)

เราคาดผู้ให้สินเช่ือทุกรายที่ไม่ใช่ธนาคารที่เราให้คำแนะนำจะรายงานกำไรที่ปรับตัวขึ้น YoY ในไตรมาส 4/65 แต่เรายังคงมีความกังวลต่อหลายๆ ปัจจัยที่จะกดดันผลการดำเนินงานในปี 2566-67 ดังนั้นเราจึงยังให้น้ำหนักการลงทุนที่น้อยกว่าตลาด

กำไรไตรมาส 4/65 คาดจะเติบโต 18% YoY (ทรงตัว QoQ)

เราคาด 3 ผู้ให้บริการสินเช่ือที่ไม่ใช่ธนาคารที่เราให้คำแนะนำ ได้แก่ MTC SAWAD และ TIDLOR (และบริษัทบัตรเครดิต – KTC) จะรายงานกำไรรวมในไตรมาส 4/65 ที่ 5.1 พันล้านบาท เติบโต 18% YoY หนุนจากการเติบโตของสินเชื่อ รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่สูงขึ้น (โดยหลักมาจากยอดขายค่านายหน้าประกันที่ขยายตัว) และสัดส่วนค่าใช้จ่าย/รายได้เฉลี่ยที่ลดลง (ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานในไตรมาส 4/64 อยุ่ในระดับสูง เนื่องจากค่าการตัดจำหน่ายการใช้สิทธิ์ และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานที่เช่ือมโยงกับการขยายสาขา) KTC รายงานกำไรไตรมาส 4/65 ที่เติบโต 33% YoY ซึ่ง MTC TIDLOR และ SAWAD ก็น่าจะรายงานกำไรสุทธิที่เติบโต 17% 12% และ 8% ตามลำดับ

ในด้านของ QoQ เราคาดกำไรรวมจะปรับตัวขึ้น 0.2% โดยเราตั้งสมมุติฐานสินเชื่อและรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่เติบโตจะกลบผลของการตั้งสำรองที่หลักขึ้น QoQ ซึ่ง MTC และ SAWAD จะรายงานกำไรที่ขยายตัว 0.7% และ 4% ตามลำดับ ในทางตรงกันข้าม TIDLOR มีแนวโน้มที่จะรายงานกำไรสุทธิที่ลดลง 1% QoQ จากการตั้งสำรองที่สูงและ NIM ที่ลดลง (ต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น ) KTC รายงานกำไรที่ลดลง 6% QoQ ในไตรมาส 4/65

สินเชื่อและรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่เติบโตต่อเนื่องในปี 2566

เราคาดผู้ให้บริการสินเช่ือที่ไม่ใช่ธนาคาร (รวม KTC) จะรายงานกำไรที่เติบโต 14% ในปี 2566 TIDLOR จะรายงานกำไรสุทธิที่แข็งแกร่งที่สุด โดยเติบโต 18% YoY หนุนจากการเติบโตของสินเช่ือ และยอดขายค่านายหน้าประกัน (จากการขยายสาขา) ทั้งน้ีเราคาดกำไรปี 2566 จะเติบโต 12.6% สำหรับ KTC (เราคาดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตและสินเช่ือทะเบียนรถจะเพิ่มขึ้น) 13.3% สำหรับ MTC (การเติบโตของสินเช่ือที่แข็งแกร่ง จากการขยายสาขา และแนวโน้มการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้น) และ 13.4% สำหรับ SAWAD (จากสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์)

คำแนะนำบนสมมุติฐานกรณีฐาน

มีหลายปัจจัยที่น่าเป็นห่วง ได้แก่ 1) เพดานดอกเบี้ยของสินเช่ือเช่าซื้อรถและจักรยานยนต์ 2) การแข่งขันที่สูงขึ้นจะกดดันผลตอบแทน 3) ต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น และ 4) การตั้งสำรองที่สูง จากคุณภาพสินทรัพย์ที่แย่ลง (ซึ่งเราคาดจะพีคในครึ่งหลังของปี 2566) ดังนั้นบนสมมุติฐานกรณีฐานของเรา เราจึงแนะนำ “ซื้อ” TIDLOR และแนะนำ “ถือ” สำหรับ MTC KTC และ SAWAD (ภาพการเติบโตของกำไรที่ชะลอตัว) TIDLOR เป็นตัวที่เราชอบที่สุดในกลุ่มไฟแนนซ์ จากภาพการเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่งในปี 2566

บนสมมุติฐานกรณีที่ดีที่สุดสำหรับ SAWAD (สินเชื่อเติบโต 25% ขึ้นจาก 19% ของสมมุติฐานกรณีฐานของเรา และยีลด์ของสินเช่ือเช่าซื้อจักรยานยนต์เพิ่มขึ้น 1% สำหรับสินเช่ือใหม่) เราคาดกำไรปี 2566 จะมีอัพไซด์ 4% ไปเป็น 5.3 พันล้านบาท (เติบโต 18% YoY) ดังนั้นเราจึงคาดราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2566 มีแนวโน้มปรับขึ้นจาก 49 บาทไปเป็น 64 บาท อิงจาก PBV ที่ 2.8 เท่า (PER ที่ 16.6 เท่าและ PEG ที่ 1 เท่า)

- Advertisement -