บล.เคจีไอ (ประเทศไทย): 

L.P.N. Development (LPN.BK/LPN TB)

ประมาณการ 4Q65F: กำไรเติบโตเด่น YoY แต่สะดุด QoQ

Event

ประมาณการ 4Q65F และปรับลดประมาณการกำไร

Impact

กำไรปกติจะเติบโตก้าวกระโดด 134% YoY แต่ลดลง 68% QoQ ใน 4Q65F

เราคาดกำไรปกติของ LPN ใน 4Q65F ที่ 75 ล้านบาท (+134% YoY และ -68% QoQ) ผลประกอบการที่เติบโต YoY อย่างมาก เป็นผลมาจากยอดโอนโครงการที่อยู่อาศัย และ margin สูงขึ้น ท่ามกลางสภาพตลาดโดยรวม (market sentiment) ที่ฟื้นตัว ในขณะที่กำไรปรับตัวลดลง QoQ มาจากฐานที่สูงใน 3Q65 เนื่องจากมีกำไรจากการขายโอนกรรมสิทธ์ิออฟฟิศคอนโดมิเนียม Lumpini Tower วิภาวดีที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว (บันทึกกำไรที่ราว 156 ล้านบาท) ทั้งน้ีหากเป็นตามที่เราคาด กำไรปกติของ LPN ในปี 2565F จะอยู่ที่ 649 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 117%YoY จากฐานที่ต่ำในปีก่อน

สำหรับยอดโอนโครงการที่อยู่อาศัยใน 4Q65F เราคาดอยู่ที่ 1.3 พันล้านบาท (+6%YoY และ -66% QoQ) แบ่งเป็น i) โครงการแนวราบ 445 ล้านบาท (ทรงตัว YoY และ +8% QoQ) ii) โครงการคอนโดมิเนียม 828 ล้านบาท (+10% YoY และ +14% QoQ) และ iii) ไม่มียอดขายโครงการออฟฟิศ คอนโดมิเนียมใน 4Q65F เมื่อเทียบกับยอดขายที่ 2.59 พันล้านบาทใน3Q65 โดยรวมแล้ว ยอดโอนโครงการที่อยู่อาศัย 4Q65F ฟื้นตัวจากการโอนโครงการเดิม และการเริ่มโอนโครงการ Lumpini Ville แจ้งวัฒนะ–ปากเกร็ด (ขายได้แล้ว 28% มูลค่าโครงการ 1.1 พันล้านบาท) ทางด้านความสามารถในการทำกำไร เราคาดอัตรากำไรขั้นต้นจะฟื้นตัวอยู่ที่ 22%(+0.6ppts YoY และ +1.7ppts QoQ) จากที่มีกิจกรรมส่งเสริมการขายในปีน้ีน้อยกว่าปีก่อน

ปรับลดประมาณการกำไรปี 2565F/2566F ลง 6% /21%

เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2565F/2566F ลงอีก 6%/21% ตามลำดับ ปัจจัยสำคัญในการปรับสมมติฐานปี 2566F มาจาก i) ปรับลดยอดโอนโครงการที่อยู่อาศัยลง 15% จาก backlog ในมือที่ต่ำ รวมทั้งความกังวลด้านยอดขายของคอนโดมิเนียมค้างสต็อก และ ii) ลดอัตรากำไรขั้นต้นลง 1.1ppts จากการที่คาดว่า LPN จะยังจำเป็นต้องใช้แผนกระตุ้นส่งเสริมการขายมากขึ้นในบางโครงการ ทั้งนี้ หลังจากกรับสมมติฐาน เราคาดกำไรปกติของ LPN ปี 2566F จะปรับตัวลดลง 4% YoY เป็น 626 ล้านบาท

Valuation & action

แม้ว่า LPN จะเริ่มมียอดโอนคอนโดมิเนียมจำนวนหนึ่งโครงการใน 1Q66F เราคาดว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในระยะสั้น 1Q66F ยังคงอ่อนแอ (ดีขึ้นเล็กน้อย QoQ แต่ลดลงมาก YoY) ท่ามกลางยอด backlog ในมือที่อยู่ในระดับต่ำ เรายังคงแนะนำถือ ราคาเป้าหมายใหม่อยู่ที่ 4.40 บาท (จากเดิมที่ 4.80 บาท) อิงจาก PE ปี 2566F ที่ 10.4x เทียบกับค่าเฉลี่ยระยะยาว -0.5SD

Risks

ภาวะเศรษฐกิจอ่อนแอลง

- Advertisement -