บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

Action BUY (Maintain)

TP upside (downside) +18.0%

Close Feb 2, 2023 Price (THB) 10.60

12M Target (THB) 12.50

Previous Target (THB) 12.50

What’s new?

  • เราคาดกำไร 4Q65 ลดลง YoY จากฐานสูง Utilization rate ลดลง และธุรกิจขายลิขสิทธิ์ที่มาร์จิ้นดีมีรายได้ลดลง
  • ต้นปี 2566 เม็ดเงินทีวีดิจิทัลยังแผ่ว มีปัจจัยเสี่ยงที่ผู้ประกอบการและเอเจนซี่กังวล
  • เราคาดเม็ดเงินโฆษณากลุ่มทีวีจะเริ่มฟื้นใน 2Q66 ภาพรวมปี 2566 ยังมองกำไรจะกลับมาเติบโต 29%YoY
  • ปรับกลยุทธ์ระยะกลาง-ยาวสู่ธุรกิจคอนเทนต์ครบวงจรเพิ่มรายได้ช่องทางใหม่ๆ มากขึ้น

Our view

  • เราคาดว่าตลาดรับรู้ผลประกอบการที่ชะลอตัวในปี 2565 ไปแล้วพอสมควร คาดว่าจะกลับมาเติบโตอีกครั้งในปี 2566 ตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมโฆษณา และการขยายรายได้ช่องทางใหม่ๆ มากขึ้น
  • เราคงมูลค่าพื้นฐานปี 2566 ของ BEC ที่ 12.50 บาท โดยวิธี DCF อิงสมมติฐาน WACC ที่ 7.9%

BEC WORLD กําไร 4Q65 ชะลอจากฐานสูง..มองเม็ดเงินทีวีกลับมา 2Q66

เราคาดกำไร 4Q65 ชะลอตัว YoY จากฐานสูง

เราคาดกำไรปกติ 4Q65 ที่ 131 ล้านบาท +17%QoQ -56% YoY ผลประกอบการฟื้นตัว QoQ ตามอัตราการขายสื่อโฆษณาหรือ Utilization rate ที่ปรับเพิ่มขึ้นจาก 70% เป็น 72% ขณะที่และคาดจะรับรู้รายได้จากภาพยนต์บัวผันฟันยับ เข้ามาบางส่วน (เข้าฉาย 24 พย 2565) ส่วนรายได้จากการขายคอนเทนต์ทรงตัว ขณะที่เทียบ YoY ยังชะลอตัวจากฐานที่สูง ซึ่ง Utilization rate ของงวด 4Q64 อยู่ระดับสูงกว่าที่ 75% ขณะที่ราคาขายหรือ Ad rate ใกล้เคียงเดิม ยังไม่สามารถปรับขึ้นราคาได้ เนื่องจากกำลังซื้อลูกค้าที่หายไป และรายได้จากการขายลิขสิทธิ์ ซึ่งถือเป็นธุรกิจที่ต้นทุนต่ำ มีรายได้ลดลง 20% YoY ส่งผลให้รายได้รวมลดลง 17%YoY เหลือ 1,330 ล้านบาท ด้าน EBITDA Marginปรับลดลงจาก 64.1% เหลือ 51.7%

คาดหวังผลประกอบการฟื้นตัวตั้งแต่ 2Q66

ช่วงต้นปีพบว่ากำลังซื้อกลุ่มทีวีดิจิทัลยังไม่กลับมาเต็มที่ เนื่องจากผู้ประกอบการและเอเจนซีโฆษณามีปัจจัยเสี่ยง ความกังวลมีเรื่องที่อาจกระทบต่อสังคมและเศรษฐกิจของประเทศไทยจึงชะลอการใช้งบโฆษณา ซึ่งเราคาดสถานการณ์จะเริ่มดีขึ้นใน 2Q66 ไป ซึ่งสถานการณ์จะเริ่มคลี่คลาย ขณะที่เข้าสู่ช่วงเลือกตั้ง คาดหวังว่าผู้บริโภคจะกลับมาดูทีวีกันมากขึ้น ขณะที่จะมีรายการละครและรายการใหม่ๆ ออกฉายมากขึ้น เพื่อเพิ่มเรทติ้งและเรทโฆษณา สำหรับธุรกิจเพลง บริษัทมีแผนเปิดตัวนักร้องภายใต้สังกัดของบริษัทเพิ่มเติมอีก 2-3 ราย จากปัจจุบันที่มีการเปิดตัวไปแล้ว อาทิ แต้ว-ณฐพร และโบว์ เมลดา ที่ได้รับการตอบรับที่ดี ภาพรวมปี 2556 เรามองว่าอุตสาหกรรมโฆษณาผ่านสื่อทีวีฟื้นตัวราว 7% YoY ตามภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และผลบวกจากการเปิดประเทศและคลายล็อคดาวน์เต็มรูปแบบ จะทำให้มีรายได้เพิ่มจาการจัดอีเว้นท์ และคอนเสิร์ตเข้ามาเสริม เราคงประมาณการกำไรปกติปี 2566 ที่ 735 ล้านบาท เติบโต 29%YoY

ปรับกลยุทธระยะกลาง – ยาว ก้าวสู่ “ธุรกิจคอนเทนต์ครบวงจร”

ระยะกลาง -ยาว บริษัทมีการปรับกลยุทธ์ เพิ่มสัดส่วนรายได้นอกจากทีวีมากขึ้น ทั้งจากดิจิทัลแพตฟอร์มตลาดเพลง  จากปัจจุบันรายได้หลักราว 87-88% มาจากธุรกิจทีวี และมีเพียง 12% ที่มาจากธุรกิจดิจิทัล แพลตฟอร์ม และธุรกิจต่างประเทศ (global content licensing) แต่อนาคต 5 ปีข้างหน้ารายได้จากธุรกิจทีวีจะลดลงมาอยู่ที่ 50% ในขณะที่รายได้อื่นๆ รวมกัน (non-TV business) จะเป็น 50% โดยบริษัทมีแผนยกระดับการพัฒนาละครของบริษัทให้มีมาตรฐานในระดับอินเตอร์เพิ่มเติม โดยผ่านบริษัทลูก คือ “BEC STUDIO” หวังขยายฐานผู้ชมไปยังประเทศต่างมากขึ้น รวมทั้งต่อยอดในการขายคอนเทนต์ในต่างประเทศให้ดียิ่งขึ้น ขณะที่ปัจจุบันเริ่มเห็นผลบวกจากกลยุทธ์การขยายรายได้จากตลาดภาพยนต์ โดยการจับมือกับทาง MPIC ผลิตภาพยนตร์ร่วมกัน โดยมีแผนจะสร้างราว 1-2 เรื่องต่อปี

คงคำแนะนำ “ซื้อ”

เราคาดว่าตลาดรับรู้ผลประกอบการที่ชะลอตัวในปี 2565 ไปแล้วพอสมควร คาดว่าจะกลับมาเติบโตอีกครั้งในปี 2566 ตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมโฆษณา เราคงมูลค่าพื้นฐานในปี 2566 ที่ 12.50 บาท โดยอิงวิธี DCF ที่ WACC ที่ 7.9%

- Advertisement -