บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Action TRADING (Maintain)
TP upside (downside) +12.7%
Close Feb 3, 2023 Price (THB) 20.40
12M Target (THB) 23.00
What’s new?
- 4Q65 คาดกำไร 304 ลบ. เติบโต QoQ จากภาคการผลิตมีการขยายการลงทุน อีกทั้งเป็น High season ของการโอนที่ดิน แต่อาจชะลอ YoY จากฐานสูง (4Q64 ยอดโอนที่ดิน 499 ไร่)
- ปี 2565 คาดกำไรปกติ -20.7% YoY จากส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วมในธุรกิจให้ฟ้าที่ลดลงจากต้นทุนพลังงานที่สูง และผลกระทบอัตราแลกเปลี่ยน
- ปี 2566 คาดการ +122.1 YoY จากธุรกิจนิคมโตเด่น มีการย้ายฐานการผลิตออกจากจีน การตั้งฐานการผลิตกลุ่ม EV และการส่งเสริมจากทางรัฐ
Our view
- เรามองผลประกอบการจะเติบโตได้ดีตั้งแต่ 4Q65 และต่อเนื่องในปี 2566 จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่กลับมา ธุรกิจสาธารณูปโภคมีการเพิ่มอุปทานรองรับการผลิตที่ฟื้นตัว และสภาพอากาศที่แปรปรวนในอนาคตอย่างภัยแล้ง
- คงคำแนะนำ “TRADING” เราประเมินมูลค่าพื้นฐาน ณ สิ้นปี 2566 ที่ 23.00 บาท
AMATA CORPORATION (AMATA) แนวโน้ม 4Q65 เติบโตเด่น และต่อเนี่องปี 2566
คาดกำไร 4Q65 เติบโต QoQ ชะลอตัว YoY
เราประเมินกำไรปกติใน 4Q65 ที่ 304 ล้านบาท (+134.4% QoQ, -6.7% YoY) คาดผลประกอบการจะ เติบโต QoQ จาก 1) ยอดขายที่ดินปรับขึ้นมาอยู่ที่ราว 294 ไร่ (+30.6% QoQ) และยอดโอนที่ดินปรับขึ้นมาที่ 231 ไร่ (+75.0% QoQ) และ 2) การรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากกลุ่มธุรกิจโรงไฟฟ้าที่พลิกกลับมาเป็นกำไร คาดอยู่ที่ประมาณ 70 ล้านบาท ขณะที่เทียบ YoY คาดจะชะลอตัวจากยอดโอนที่ดินลดลง -53.7% YoY จากยอดโอน 499 ไร่ ใน 4Q64 อย่างไรก็ตาม 4Q65 มีการโอนพื้นที่ในชลบุรี 67 ไร่ ซึ่งพื้นที่ในชลบุรีมีราคาสูงกว่าพื้นที่ระยองเกือบ 3 เท่า และอัตราการทำกำไรขั้นต้นสูงถึง 60-70% ขณะที่พื้นที่ระยองอัตราการทำกำไรไม่ถึง 50% ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการทำกำไรปรับตัวดีขึ้น เราคาดอัตรากำไรขั้นต้นที่ 45.9% ปรับเพิ่มขึ้นมาจาก 42.8% ใน 3Q65 และ 42.1% ใน 4Q64 ภาพรวมทั้งปี 2565 เราคาดกำไรปกติที่ 755 ล้านบาท (-20.7% YoY) ชะลอตัวจากส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมในธุรกิจไฟฟ้าที่ลดลง เนื่องจากต้นทุนพลังงานที่เพิ่มขึ้นสูงช่วงกลางปี และผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน
ปี 2566 คาดเติบโตจากทั้งยอดขายที่ดิน และความพร้อมระบบสาธารณูปโภค
บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายที่ดินนิคมเติบโตก้าวกระโดดราว 1.5 พันไร่ ประกอบด้วยในไทยคาด 1 พันไร่ (+54.3% YoY) ฟื้นตัวตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่กลับมา และเวียดนามราว 500 ไร่ จาก 45 ไร่ในปี 2565 ซึ่งเพิ่มขึ้นก้าวกระโดดหลังชะลอตัวจากความล่าช้าของทางการเวียดนามในการออกใบอนุญาตโครงการใหม่ โดยเราคาดกำไรปกติปี 2566 ที่ 1,677 ลบ. (+122.1% YoY) จากธุรกิจนิคมที่จะเติบโตเด่น ทั้งการขยายการลงทุนกลุ่ม EV, การย้ายฐานการผลิตออกจากจีน, การที่รัฐบาลบาลออกนโยบายสนับสนุน และผลักดันให้เกิดการลงทุนในพื้นที่ EEC อย่างต่อเนื่อง ส่วนธุรกิจสาธารณูปโภค มีการเพิ่มอุปทานน้ำรองรับความต้องการจากภาคอุตสาหกรรมการผลิตที่ฟื้นตัว และกลุ่มอุตฯ ที่มีความต้องการใช้น้ำเยอะ (เช่น Data center, Solar cell และถุงมือทางการแพทย์) รวมถึงสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงในอนาคต เช่น ภัยแล้ง และน้ำท่วม ซึ่งบริษัทฯ มองว่าความสามารถในการให้บริการน้ำอย่างต่อเนื่องแม้อยู่ในช่วงภัยแล้ง จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การผลิตของลูกค้าดำเนินได้อย่างต่อเนื่อง และช่วยดึงดูดนักลงทุนเข้ามาเพิ่ม
ดงคำแนะนํา “TRADING”
เราคาดผลประกอบการจะเติบโตเด่นตั้งแต่ 4Q65 และต่อเนื่องในปี 2566 ตามภาคการผลิตที่กลับมา และเม็ดเงินการลงทุนจากต่างชาติที่เพิ่มขึ้น โดยให้มูลค่าพื้นฐาน ณ สิ้นปี 2566 ที่ 23.00 บาท อิงวิธี SOTP โดยปัจจุบันซื้อขายอยู่ที่ PER66 14.0x