บล.เอเซีย พลัส:
คาด 4Q65 กําไรลดลง แต่จะกลับมาฟื้นใหม่ใน 1Q66
คาดกําไรสุทธิ 4Q65 จะลดลง 35.1%qoq มาอยู่ที่ 625.6 ล้านบาท กดดันจากทั้งส่วนแบ่งกําไร CKP ที่ลดลงตามฤดูกาล และธุรกิจหลักน้ําประปาที่ถูกกดดันจากยอดขายน้ําโดยรวมที่ลดลง อีกทั้งค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานที่สูงขึ้น โดยช่วงสั้น 1Q66 คาดกําไรสุทธิจะกลับมาฟื้นตัวใหม่อีกครั้ง QoQ จากการปรับขึ้นราคาขายน้ํา และปริมาณขายโดยรวมที่คาดฟื้นตัวหลังผ่านช่วง low season ของการใช้น้ํามาแล้ว แม้คาดจะยังถูกกดดันต่อจากส่วนแบ่งกําไร CKP ที่คาดลดลงก็ตาม
คงประมาณการและ FV ปี 2566 ที่ 10.0 บาท/หุ้น โดยอิงเฉพาะสัญญาที่มีอยู่ในปัจจุบัน ไม่รวมการต่อสัญญาใหม่ในโครงการ PTW จึงถือเป็น Upside ส่วนเพิ่ม หากสามารถต่อสัญญาในครั้งนี้ได้ ภาพใหญ่รายปี 2566 ยังเห็นแนวโน้มกําไรกลับมาฟื้นตัว YoY และยังคงมีความโดดเด่นด้านการจ่ายปันผลที่สูงและสม่ำเสมอ คาดให้ Dividend yield กว่า 6% ในปี 2566 ดังนั้น ผู้ที่มีหุ้นอยู่สามารถถือรับปันผลได้
4Q65 คาดกำไรสุทธิลดลง QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล
ฝ่ายวิจัยคาดกำไรสุทธิงวด 4Q65 จะปรับตัวลดลง 35.1%qoq มาอยู่ที่ 625.6 ล้านบาท กดดันหลักจากส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม CKP (TTW ถือหุ้น 24.98%) ที่คาดรับรู้ผลประกอบการลดลง 79.3%qoq มาอยู่เพียง 75.5 ล้านบาท จากกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำที่คาดจะผลิตกระแสไฟฟ้าได้น้อยลง หลังจากผ่านพ้นช่วง High season ของฤดูกาลน้ำใน 3Q65 มาแล้ว รวมถึงธุรกิจหลักขายน้ำประปา คาดรายได้รวมปรับตัวลดลง 0.7%qoq มาอยู่ที่ 1.4 พันล้านบาท จากปริมาณขายน้ำทั้งในเขตพื้นที่ TTW และ BIE ที่ลดลง 1.4%qoq, และ 6.6%qoq มาอยู่ที่ 35.2 ล้าน ลบ.ม. และ 1.8 ล้าน ลบ.ม. ตามลำดับ จากการใช้น้ำของกลุ่มลูกค้าภาคอุตสาหกรรมที่ลดลงตามช่วงเทศกาลหยุดยาว ต่อเนื่องใน 4Q65 รวมถึงการใช้น้ำของกลุ่มลูกค้าภาคครัวเรือนที่ลดลงตามการเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว ถึงแม้ว่าปริมาณขายน้ำในพื้นที่ PTW จะเพิ่มขึ้นบ้างเล็กน้อย 0.1%qoq มาอยู่ที่ 33.9 ล้าน ลบ.ม. ก็ตาม อีกทั้งคาดบริษัทฯจะมีต้นทุนผลิตส่งจ่ายน้ำประปา และต้นทุนบริการอื่นๆ ที่สูงขึ้น จากค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นตามการปรับขึ้นอัตราค่าไฟฟ้าผันแปร (ft.) และค่าสารเคมีที่เพิ่มขึ้นจากคุณภาพน้ำดิบที่แย่ลง ส่งผลให้กำไรขั้นต้นคาดจะปรับตัวลดลง 5.7%qoq มาอยู่ที่ 880.5 ล้านบาท โดยอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ในงวดนี้คาดลดลงมาอยู่ ที่ 61.8% จาก 65.1% ในงวด 3Q65
นอกจากนี้ยังมีแรงกดดันจากค่าใช้จ่าย SG&A ที่คาดจะเพิ่มขึ้น 19.8%qoq มาอยู่ที่ 79.1 ล้านบาท จากค่าใช้จ่ายสนับสนุนกิจกรรม CSR ที่เพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายพนักงานที่คาดจะปรับตัวสูงขึ้นเป็นปกติในช่วงปลายปี
แต่อย่างไรก็ตาม คาดยังมีแรงชดเชยบางส่วนจากต้นทุนทางการเงินที่คาดจะลดลง 10.5%qoq มาอยู่ที่ 35.3 ล้านบาท จากการทยอยจ่ายชำระคืนเงินต้นอย่างต่อเนื่องของ ทางบริษัทฯ
โดยรวมแล้วคาดกำไรสุทธิทั้งปี 2565 อยู่ที่ 3.0 พันล้านบาท ลดลง 2.5%yoy ซึ่งถือว่าสอดคล้องกับประมาณการที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้
แนวโน้มกำไรปี 66 เติบโตเล็กน้อย YOY…1Q66 คาดพื้นตัว QoQ
เบื้องต้นฝ่ายวิจัยคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 อยู่ที่ 3.1 พันล้านบาท เติบโต 2.7%yoy หนุนจากการประกาศปรับขึ้นราคาขายน้ำประปาตามดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) โดยราคาขายน้ำใหม่ของ TTW ในส่วน 3.0 แสน ลบ.ม.แรก เพิ่มขึ้น 5.9%yoy มาอยู่ที่ 31.5 บาท และส่วนที่เกิน 3.0 แสน ลบ.ม. เพิ่มขึ้น 4.0%yoy มาอยู่ที่ 13.1 บาท สำหรับ PTW ราคาขายน้ำปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.6%yoy มาอยู่ที่ 13.8 บาท ส่วนราคาขายของ BIE ยังเท่าเดิมที่ 24.8 บาท ขณะที่ปริมาณขายน้ำประปาคาดยังทรงตัวใกล้เคียงอยู่ในระดับเดิม
ช่วงสั้น 1Q66 คาดทิศทางกำไรจะกลับมาฟื้นตัว QoQ โดยธุรกิจขายน้ำประปาคาดจะได้รับแรงหนุนจากทั้งการรับรู้ราคาขายใหม่ที่เพิ่มขึ้น และปริมาณขายน้ำที่คาดจะฟื้นตัว หลังจากผ่านพ้นช่วง low season ของฤดูกาลใช้น้ำมาแล้วใน 4Q66 รวมถึงค่าใช้จ่าย SG&A ที่คาดปรับตัวลดลงสู่ระดับปกติ อย่างไรก็ตาม คาดยังมีแรงกดดันจากส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วม CKP ที่คาดจะรับรู้ผลประกอบการลดลง QoQ ตามการเข้าสู่ช่วง low season ของน้ำใน 1Q66
ยังต้องติดตามสัญญา PTW ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจากับ กปภ.
สำหรับประเด็นสัญญาโครงการ PTW ที่จะหมดอายุลงในเดือน ตุลาคม 2566 ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการดำเนินเรื่องเจรจา และปรับแก้ไขสัญญากับการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ซึ่งล่าสุดยังไม่ได้มีข้อสรุป timeline ออกมาที่ชัดเจน โดยในกรณีเลวร้ายสุด หากไม่สามารถต่อสัญญาดังกล่าวได้ คาดจะส่งผลให้รายได้และกำไรปรับตัวลงราว 30% จากฐานเดิม ตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป แต่อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยยังไม่ได้รวมการต่อสัญญาใหม่ไว้ในประมาณการ จึงถือเป็น upside ส่วนเพิ่มหาก TTW สามารถต่อสัญญาใหม่ในครั้งนี้ได้ ดังนั้น จึงยังถือเป็นประเด็นที่ต้องติดตาม
แนวทางประกอบธุรกิจตามหลักความยั่งยืน (ESG) ของ TTW:
ด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) : ตระหนักและให้ความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งในด้านการอนุรักษ์พลังงาน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทรัพยากรน้ำ และการใช้ทรัพยากรต่างๆอย่างรู้คุณค่า รวมทั้งมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติระหว่างองค์กรกับหน่วยงานภายนอก และปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ยังจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง อาทิ โครงการวิจัยตะกอนน้ำประปา และพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ เพื่อลดภาระในการกำจัดและพัฒนาทักษะอาชีพแก่ชุมชนที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงโรงผลิตน้ำประปาประทุมธานี จังหวัดปทุมธานี, โครงการก่อสร้างอาคารสํานักงานแบบสถาปัตยกรรมสีเขียว โรงผลิตน้ำประปากระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร, โรงผลิตน้ำประปาบางเลน จังหวัดนครปฐม เป็นต้น
ด้านสังคม (Social) : บริหารจัดการทรัพยากรบุคคลที่มีประสิทธิภาพและเป็นธรรม พัฒนาความรู้และทักษะที่จำเป็นตามแผนการพัฒนาพนักงาน ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ในการทำงาน และสนับสนุนระบบจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยที่ดี ส่งเสริมให้ผู้บริหารและพนักงานเคารพและปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชนสากล รวมถึงสนับสนุนการ มีส่วนร่วมของบริษัทฯ กับชุมชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างความพึงพอใจ ให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย รวมทั้งยังมีกิจกรรม/โครงการ อาทิ วางท่อระบายน้ำ (Box Culverts) พร้อมระบบระบายน้ำอัตโนมัติ เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำรอระบายบนผิวจราจรของถนนเศรษฐกิจ อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร, การรับสมัครพนักงานจิตอาสาเข้าร่วมกิจกรรมที่เป็นสาธารณประโยชน์, จัดหลักสูตรอบรมด้านวิชาชีพแก่พนักงานทุกระดับ เพื่อพัฒนาความรู้ความสามารถและเพิ่มโอกาสความก้าวหน้าทางด้านวิชาชีพ เป็นต้น
ธรรมาภิบาล (Governance): TTW เป็น 1 ใน 147 บริษัทจดทะเบียนฯ ที่อยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืนในกลุ่มทรัพยากร และได้รับคัดเลือกเป็น 1 ใน 100 อันดับ หลักทรัพย์ที่มีความโดนเด่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน (ESG100) จากสถาบันไทยพัฒน์เป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน สะท้อนถึงความตั้งใจของบริษัทฯ ในการดำเนินงานด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน และเป็นการเปิดเผยข้อมูลเพื่อให้ผู้ลงทุนใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุน ตลอดจนการได้รับความเชื่อมั่นจากนักลงทุนว่า บริษัทฯ จะมีการดำเนินงาน และแสดงความรับผิดชอบที่โดดเด่นครบทุกมิติ ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ควบคู่ไปกับการมีผลประกอบการทางการเงินที่ดี
ประเด็นความเสี่ยงที่สำคัญ
1) แนวโน้มฐานะทางการเงินและฐานะทางธุรกิจของหน่วยงานภาครัฐ อย่างที่มีความแข็งแกร่งและมั่นคงมากขึ้น จึงมีโอกาสที่หน่วยงาน ดังกล่าวจะเข้าไปลงทุนธุรกิจน้ำประปาเองในพื้นที่ใหม่ๆมากกว่าการให้ สัมปทานเอกชน ส่งผลให้โอกาสในการขยายกิจการน้ำประปาในพื้นที่ ใหม่ๆของ TTW จำกัด
2) หากสัญญาการขายน้ำประปาให้กับ กปภ. และสัมปทานประกอบ กิจการประปาของ บริษัท ประปาปทุมธานี จำกัด (PTW) สิ้นสุดลงในปี 2566 จะส่งผลให้รายได้ของ TTW จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญกว่า 30%