บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Action TRADING (Downgrade)
TP upside (downside) +11.0%
Close Feb 6, 2023 Price (THB) 21.30
12M Target (THB) 23.70
Previous Target (THB) 23.70
What’s new?
- คาดกำไรปกติใน 4Q65 จะชะลอตัว QoQ YoY จากรายได้เกี่ยวกับการให้บริการ COVID-19 ที่มีมาร์จิ้นสูงมีสัดส่วนลดลง
- แนวโน้มปี 2566 ช่วงปรับฐานหลังจบ COVID-19 คาดกำไรยังชะลอจากฐานสูง
- รอความหวังการปรับขึ้นค่าหัวประกันสังคมในช่วง 1-2 เดือนนี้
- แผนกลยุทธ์ 5 ปี ข้างหน้า มีแผนขยายฐานลูกค้าทั้งกลุ่มเงินสด และกลุ่มประกันสังคม ล่าสุดประกาศสร้าง รพ.ใหม่ เกษมราษฎร์ สุวรรณภูมิ
Our view
- แม้เราคาดกำไรในปี 2555-2566 จะชะลอตัวจากฐานที่สูง อย่างไรก็ตาม หากเราไปเทียบผลประกอบการกับช่วงก่อนจะมีผลกระทบ COVID-19 เรามองว่าฐานรายได้และกำไรของ BCH ยังเติบโตกว่าราว 40-50%
- เราคงมูลค่าพื้นฐานปี 2566 ที่ 23.70 บาท ด้วย ราคาหุ้นที่ปรับเพิ่มขึ้นจนเหลือ Upside ที่ลดลง เราจึงปรับคำแนะนำจากเดิม “ซื้อ” เป็น “TRADING”
BANGKOK CHAIN HOSPITAL กําไรพักฐานหลังจบ COVID-19…พร้อมลุย สร้าง รพ. ใหม่
คาดกำไรปกติ 4Q65 ชะลอ QoQ YoY
เราคาดกำไรปกติใน 4Q65 ที่ 412 ล้านบาท -17%QoQ, -83% YoY (เทียบไตรมาสก่อนไม่นับรวมรายการพิเศษบันทึกตั้งสำรองขาดทุนวัคซีนโมเดอร์นาที่หมดอายุ) ผลประกอบการลดลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล ขณะที่เทียบ YoY ชะลอตัว เนื่องจากรายได้เกี่ยวกับ COVID-19 ปรับลดลง จาก 4Q64 ที่ราว 60% ลงมาเหลือต่ำกว่า 10% โดยรายได้ -58%YoY เหลือ 2,914 ล้านบาท ประสิทธิภาพในการทำกำไรลดลง โดย EBITDA Margin อยู่ที่ 26.9% ปรับลดลงจาก 4Q64 ที่ 54.6% จากสัดส่วนรายได้ COVID-19 ที่มีอัตรากำไรสูงมีสัดส่วนลดลง และผลกระทบจากการที่รัฐบาลปรับลดเงินสนับสนุนแก่ รพ. ปัจจัยที่ทำให้อัตรากำไรเกี่ยวกับการให้บริการ COVID-19 ลดลง ภาพรวมปี 2565 เราประมาณการกำไรปกติที่ 3,182 ล้านบาท -40%YOY
แนวโน้มปี 2566 ช่วงปรับฐานหลังจบ COVID-19 กำไรชะลอจากฐานสูง
เราประเมินกำไรปกติปี 2566 ที่ 2,202 ล้านบาท -46%YoY ซึ่งเป็นการปรับลดลงจากฐานสูง รายได้จาก COVID-19 ที่หายไป หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดคลี่คลาย อย่างไรก็ตาม หากไม่นับรวมรายได้เกี่ยวกับ COVID-19 มองว่าผลประกอบการจะเติบโตดี YoY ซึ่งมาจากทั้งกลุ่มเงินสด จาก pent up demand และกลุ่มประกันสังคม จากฐานผู้ประกันตนที่เพิ่มขึ้น และการกลับมาของคนไข้ต่างชาติ ซึ่งมีสัดส่วนราว 15% ของรายได้รวม เนื่องจากรับผลบวกจากการเปิดประเทศ สำหรับประเด็นที่ตลาดยังรออยู่คือการรอปรับขึ้นค่าหัวประกันสังคมสำหรับงวดปี 2566 ซึ่งคาดจะทราบภายใน 1-2 เดือนนี้
แผนสร้าง รพ.ใหม่ เกษมราษฎร์ สุวรรณภูมิ ชิงส่วนแบ่งตลาด
แผนกลยุทธ์ 5 ปี ข้างหน้า (ปี2556-2570) บริษัทมีแผนขยายฐานลูกค้าทั้งกลุ่มเงินสด และกลุ่มประกันสังคม ลูกค้าต่างชาติมากขึ้น ทั้งรูปแบบการสร้าง รพ.ใหม่ และ MBA ล่าสุด ประกาศเข้าซื้อที่ดินที่ตั้งอยู่ที่ตำบลบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ เนื้อที่ 25 ไร่ ใน มูลค่า 350 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขยายกิจการโรงพยาบาลแห่งใหม่ ภายใต้ชื่อโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ สุวรรณภูมิ ซึ่งถือว่าเป็นเขตที่ประชากรหนาแน่น โดยคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ภายในปี 2567 และเปิดให้บริการภายในปี 2569 ซึ่งเรามองเป็นบวกในระยะยาว ที่จะช่วยขยายฐานลูกค้า และใช้เป็นศูนย์ในการส่งต่อผู้ป่วยมา รพ.หลักในเครือ ซึ่งจะหนุนการเติบโตของผลประกอบการ
ปรับคําแนะนําเป็น “TRADING”
แม้เราคาดกำไรในปี 2565-2566 จะชะลอตัวจากฐานที่สูง อย่างไรก็ตาม หากเราไปเทียบผลประกอบการกับช่วงปี 2562-2563 ซึ่งเป็นช่วงก่อนจะมีผลกระทบ COVID-19 เรามองว่าฐานรายได้และกำไรของ BCH ยังเติบโตดีกว่าราว 40-50% ซึ่งมาจากทั้ง organic growth และ pent up demand รวมถึงฐานผู้ประกันตนโครงการประกันสังคมที่เพิ่มทะลุ 1 ล้านราย สูงสุดในกลุ่ม รพ.เอกชน และยังเติบโตต่อเนื่อง ตามแผนในการสร้าง รพ.ใหม่ และมีโอกาส M&A อีกในอนาคต เบื้องต้นเราคงมูลค่าพื้นฐานปี 2566 ที่ 23.70 บาท อิงวิธี DCF โดยอิงสมมติฐาน WACC ที่ 7.4% ด้วยราคาหุ้นที่ปรับเพิ่มขึ้นจนเหลือ Upside ที่ลดลง เราจึงปรับค่าแนะนำาจากเดิม “ซื้อ” เป็น “TRADING”