บล.เอเซีย พลัส:
คาด 4Q65 กําไรโต พร้อมมีแผนปี 2566 ที่ท้าทาย
เราคาดว่า CRC มีกําไรสุทธิงวด 4Q65 ที่ 2.4 ล้านบาท (+107% QoQ, +3%YoY) โดยกําไรทที่เพิ่มแรง QoQ เพราะได้อานิสงค์จากฤดูกาลหนุนรายได้ ขณะที่คุมค่าใช้จ่ายได้ดี ส่วนกําไรที่โตไม่มากเมื่อเทียบ YoY เพราะฐานสูงใน 4Q64 ตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจเกือบเป็นปกติ หลังโควิด 19 ที่ระบาดหนักใน 3Q64 คลี่คลาย
หากกําไร 4Q65 เป็นไปอย่างคาด จะทําให้กําไรปี 2565 มี upside 5%-6% จากที่เราเคยคาดไว้ ดังนั้นแม้ราคาเป้าหมายปี 2566 ปัจจุบันจะอยู่ที่ 48.00 (PER35.7 เท่า) ซึ่งมี upside 8% แต่เรายังคงคําแนะนํา “ซื้อ” CRC เพราะ 1) ระยะสั้นมีปัจจัยบวกจากกําไร 4Q65, 2) มีแนวโน้มที่เราจะปรับประมาณการกําไรปี 2566 – 2567 ขึ้น สะท้อนแผนธุรกิจปี 2566 ของบริษัท และ 3) มี upside ที่ยังไม่รวมในประมาณการจากธุรกิจใหม่ที่เตรียมจะเปิดตัวใน 2H66
ตั้งเป้าปี 2566 รายได้โตเกิน 15% และเตรียมเปิดตัวธุรกิจใหม่ใน 2H66
CRC เปิดเผยแผนธุรกิจปี 2566 โดยตั้งเป้ามีผลการดําเนินที่เติบโตดังนี้
1. จะมีรายได้เติบโต 12% – 15% YoY หนุนโดยการเติบโตในทุกส่วน คือ
1.1 ตั้งเป้ารายได้จากการขายสินค้าจะเพิ่มขึ้น 12% – 15% จากปี 2565 จากการเติบโตของยอดขายในทุกๆ ประเทศ ด้วยการขยาย/ปรับปรุงสาขา
ทั้งนี้สินค้าที่บริษัทเชื่อว่าจะมีอัตราการเติบโตสุด คือ สินค้าแฟชั่น (+14% ถึง +16%) รองลงไปคือ สินค้ากลุ่มฮาร์ดไลน์ และกลุ่มอาหาร ที่คาดจะโตราว 13% – 15% และ 10% – 12% ตามลําดับ
1.2 รายได้จากการให้เช่าพื้นที่จะเติบโตขึ้น 18% – 20% โดยการให้ส่วนลดมีแนวโน้มจะกลับสู่อัตราปกติได้ภายใน 1H66 นี้
2. อัตรากําไรก่อนดอกเบี้ยภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) จะโต 18% – 20% ซึ่งจะหนุนโดยรายได้ที่สูงขึ้น อัตรากําไรขั้นต้นที่ดีขึ้นบวกกับการควบคุมค่าใช้จ่ายที่จะช่วยให้บริษัทยังมีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขาย และบริหาร/รายได้รวม (SG&A/Total revenue) ที่ต่ำกว่า 28% เช่นเดียวกับปีก่อน แม้รายได้จะเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้บริษัทยังเปิดเผยว่าจะมีการเปิดตัวธุรกิจใหม่ภายในช่วง 2H66 แต่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียด โดยได้ตั้งเป้าใช้งบลงทุนสําหรับปี 2566 ไว้ที่ 2.5 หมื่นล้านบาท – 2.8 หมื่นล้านบาท (รวมการขยาย/ปรับปรุงสาขา, ซื้อที่ดิน และลงทุนในธุรกิจใหม่) ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้แหล่งเงินทุนจากเงินทุนหมุนเวียนภายในกิจการ (เราคาดปี 2566 – 2567 บริษัทจะมีกระแสเงินสดจากกิจกรรมดําเนินงานราว 2.7 – 3.1 หมื่นล้านบาท/ปี)
มีแผนระยะยาว 5 ปี ที่ท้าทาย
พร้อมตั้งเป้าระยะยาวในอีก 5 ปี (ปี 2570) จะเป็นผู้นำค้าการปลีกแบบออนไลน์ในภูมิภาคเอเซีย (Asia’s leading Next-Gen Omni Retailer) โดยตั้งเป้าภายใน 5 ปี บริษัทจะมี 1) จำนวนร้านและพื้นที่ขายเพิ่มขึ้น 2 เท่า, 2) สัดส่วนการขายแบบออนไลน์จากเพิ่มจากปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ 18% เป็นมากกว่า 20% และ 3) จำนวนสมาชิก The1 Card เพิ่มเป็น 24 ล้านราย ภายใต้การใช้งบลงทุน 1.5 แสนล้านบาท เพื่อสร้างการเติบโตดังนี้
- จะมีรายได้โตขึ้น 2.5 เท่า จากปัจจุบัน
- จะมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมราคา (EBITDA) ที่โตขึ้น 3.5 เท่า
- จะมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) เพิ่มขึ้น 2.5 เท่าด้วย จากการขยายธุรกิจเดิม (Organic growth) และการลงทุนใหม่ๆ (Inorganic growth)
ฝ่ายวิจัยมองว่าแผนธุรกิจของบริษัททั้งสำหรับปี 2566 และแผนระยะยาว 5 ปี ถือว่ามีความท้าทาย เพราะ 1) มีเป้าหมายการเติบโตของรายได้ และ EBITDA ในปี 2566 สูงกว่าที่เราคาดไว้ และ 2) ปัจจุบัน CRC มี Market Cap. อยู่ 2.7 แสนล้านบาท ขณะที่มีเป้าหมายจะเพิ่มมูลค่าขึ้นไปอีก 2.5 เท่า ภายใน 5 ปี หรือเพิ่มเป็น 6.8 แสนล้านบาท ซึ่งในระยะสั้นแม้มีแผนจะนำบริษัทในกลุ่มเช่น MEB (บริษัทลูกของ B2S) เข้าจดทะเบียนใน ตลท. ภายในเดือน ก.พ. 66 นี้ แต่คาดจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กลุ่ม CRC อีกเพียงประมาณ 9 พันล้านบาท ดังนั้นทางลัดที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้แก่กลุ่มได้เร็วขึ้นอีก คือ การนำบริษัทในเครือให้เข้าจดทะเบียนใน ตลท. เพิ่ม จึงมีโอกาสที่จะนำบริษัทลูกอื่นๆ เข้าจดทะเบียนใน ตลท. เพิ่มในอนาคต
คาดกําไรงวด 4Q65 จะกลับมาโตได้ทั้ง QoQ และ YOY
เราประเมินกำไรสุทธิในงวด 4Q65 จะโตขึ้นเป็น 2.4 พันล้านบาท (+107% QoQ, +3% YoY) ทั้งนี้กำไรที่เพิ่มขึ้น QoQ เพราะ 1) ได้อานิสงค์จากฤดูกาลที่ผลักดันรายได้เพิ่มขึ้น 6% QoQ โดยคาดจะมาจากการเติบโตทั้งจากสินค้ากลุ่มแฟชั่น และกลุ่มอาหาร ขณะที่คาดกลุ่มฮาร์ดไลน์มีแนวโน้มชะลอลงบ้าง, 2) คาดอัตรากำไรขั้นต้นจะสูงขึ้นเป็น 27.9% จาก 27.6% ใน 3Q65 ตามการเติบโตของสินค้ากลุ่มแฟชั่นที่สร้างอัตรากำไรสูง และ 3) อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจะลดจาก 30.2% ในไตรมาสก่อนหน้าเหลือ 29.5% จากฐานรายได้ที่สูงขึ้น
แต่หากเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน งวด 4Q65 คาดกำไรโตได้เพียงเล็กน้อย เพราะเทียบกับฐานสูงในงวด 4Q64 ที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาเกือบปกติ หลังสถานการณ์โควิด 19 ผ่อนคลายลง เมื่อเทียบกับที่เคยระบาดหนักใน 3Q64 จึงคาดรายได้จากการขายและบริการเพิ่มขึ้นเพียง 6% YoY ซึ่งช่วยให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มจาก 26.9% ใน 3Q64 เป็น 27.9% ตามฐานรายได้ที่สูงขึ้น แต่คาดจะถูกหักล้างไปบางส่วนจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้น จากจำนวนพนักงานที่มีมากขึ้นและค่าสาธารณูปโภคที่สูงขึ้น
ประมาณการกำไรปี 2566-2567 มี upside คงคำแนะนำ “ซื้อ”
หากกำไรสุทธิงวด 4Q65 เป็นไปอย่างคาด จะทำให้กำไรโดยรวมของปี 2565 จะมี upside ราว 5% – 6% ของกำไรทั้งปีที่เราเคยคาดการณ์เอาไว้ โดยเรามีแนวโน้มจะปรับเพิ่มประมาณการปี 2566 – 2567 เพิ่มจากที่เคยคาดไว้ที่ 8.1 พันล้านบาท สำหรับปี 2566 และ 1.2 หมื่นล้านบาท ในปี 2567 ดังนั้นแม้ราคาเป้าหมายปี 2566 ปัจจุบันยังอยู่ที่ 48,00 บาท (อิง PER 35.7 เท่า) ซึ่งเหลือ upside เพียง 8% จากราคาปัจจุบัน แต่เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” CRC เนื่องจาก 1) ระยะสั้นคาดหวังกำไรที่ในงวด 4Q65 โตได้ทั้ง QoQ และ YoY, 2) มีแนวโน้มที่เราจะปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2566 – 2567 สะท้อนภาพกําไรปี 2565 ที่น่าจะออกมาดีกว่าคาด บวกกับแผนธุรกิจที่ท้าทายของบริษัท และ 3) มี upside ที่ยังไม่รวมในประมาณการจากธุรกิจใหม่ที่บริษัทมีแผนจะเปิดตัวในช่วง 2H66
ปัจจัยเสี่ยงของธุรกิจ
1) เศรษฐกิจที่ชะลอตัวและกําลังซื้อที่ลดลง
2) การแข่งขันที่สูงในอุตสหกรรม
3) การแย่งลูกค้ากันเองของสาขาที่เปิดบริเวณใกล้เคียงกัน