ยังไร้ปัจจัยบวก-เต็มไปด้วยปัจจัยลบ
กรอบ SET INDEX 1660-1670
Market Outlook
เมื่อคืนที่ผ่านมาภาพรวมจะค่อนข้างนิ่ง มิได้มีปัจจัยใดที่มีนัยยะมาก แม้เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) บางท่านอย่าง John Williams จะออกมากล่าวว่า Fed จำเป็นต้องคงอัตราดอกเบี้ยระดับสูงเพื่อให้แน่ใจว่าเงินเฟ้อจะกลับลงมาสู่ระดับต่ำ ก่อนเกิด Covid-19 พร้อมกล่าวว่ายังมีภารกิจอีกมากที่ต้องทำในการกำจัดเงินเฟ้อให้ลงมารวมถึงการฟื้นฟูเสถียรภาพของราคา อย่างไรก็ตาม แม้การส่งสัญญาณข้างต้นจะดูไปในทางเข้มงวด แต่ถึงกระนั้นพบว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ทั้งอายุ 2 และ 10 ปีกลับปรับตัวลง ขณะที่ความเห็นจาก CME Fed Watch ก็ยังระบุว่า 92% ให้น้ำหนักที่ Fed จะปรับขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในการประชุมเดือนมี.ค. ซึ่งยังเป็นความน่าจะเป็นที่ใกล้เคียงก่อนหน้า บ่งชี้ว่าแม้เจ้าหน้าที่ Fed จะส่งสัญญาณเข้มงวดแต่ตลาดก็ดูจะมิได้ให้น้ำหนักใดๆ มากนัก ด้าน SET INDEX ยังเสี่ยงจะอ่อนตัวลงต่อในกรอบ 1660–1670 กลุ่ม Electronics มีแนวโน้มกดดันต่อเนื่อง หลังจากรายงานผลประกอบการ 4Q22 ที่ค่อนข้างอ่อนแอรับแรงกดดันจากการพุ่งขึ้นของราคาทองแดง ประกอบกับเงินบาทที่แข็งค่าเร็ว ขณะที่แนวโน้มช่วง 1Q23 ก็ยังไม่สดใสสำหรับ (KCE) วานนี้มีประชุมนักวิเคราะห์ ผู้บริหารระบุว่าต้นทุนทองแดงระดับสูงยังรับรู้ต่อเนื่องในช่วง 1Q23 จึงเสี่ยงที่ DELTA/HANA จะได้ผลกระทบเช่นกัน นอกจากนี้เมื่อวานที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติยัง Short สูงถึง 4 หมื่นสัญญานับเป็นระดับที่สูงสุดในรอบ 8 วันทำการย้อนหลังพร้อมกับขายสุทธิต่อเนื่องติดต่อกันถึง 8 วันทำการ ถือเป็นความเสี่ยงที่กดดันตลาดหุ้น ส่วนคืนนี้ติดตามผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสหรัฐฯ Bloomberg ประเมินไว้ที่ 1.9 แสนราย
เชิงกลยุทธ์ตลาดเริ่มปรับฐาน สอดคล้องกับที่เราเน้นย้ำถึงการถือครองเงินสด โดยยังคงแนะนักลงทุนถือครองเงินสดสูงต่อไปจนกว่าจะเริ่มลงมาในจุดที่น่าสนใจเชิง Valuation หุ้นแนะนำยังเน้นที่ Defensive & Domestic อาทิ กลุ่มโรงพยาบาล (BCH, BDMS, CHG) กลุ่มสื่อสาร (ADVANC, INTUCH) กลุ่มโรงไฟฟ้า (BGRIM, GPSC, GULF, RATCH) กลุ่มค้าปลีก (BJC, HMPRO) โรงภาพยนตร์ (MAJOR) กลุ่มท่องเที่ยว (AOT, CENTEL, ERW, MINT, SPA) น้ำมัน (PTTEP)
หุ้นแนะนําซื้อวันนี้
PTTEP ราคาพื้นฐาน 175.00 บาท
คาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/23 ยังแข็งแกร่งด้วยการเติบโต QoQ จากการขาดหายไปของขาดทุนพิเศษครั้งเดียว แต่กำไรปกติจะอ่อนตัว QoQ เพราะปริมาณขายที่ลดลง (-6% QoQ อิงแนวทางผู้บริหารที่ 472kboed สำหรับ ไตรมาส 1/23) ด้วยคาดการณ์ว่าอุปสงค์และอุปทานน้ำมันดิบโลกที่ไร้สมดุลในปี 2023 ส่วนระยะสั้นได้ปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น
MAJOR ราคาพื้นฐาน 21.40 บาท
คาดกำไรปกติที่ 100 ล้านบาทในไตรมาส 4/22 (+22% YoY, +131% QoQ) สูงสุดตั้งแต่เกิดโควิด หนุนจากลูกค้าที่เข้าชมหนังในโรงภาพยนตร์ที่คาดแตะ 60% ของช่วงก่อนเกิด Covid-19 หลังจากมีหนังทำเงินเข้าฉายจำนวนมาก ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายพนักงานที่ลดลงและการจ่ายค่าเช่าแบบใหม่ ซึ่งหลักๆ จะล้อไปกับส่วนแบ่งรายได้ค่าตั๋ว