ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้

แกว่งลงต่อ…. ฟันด์โฟลว์ไหลออก ยังกดดันช่วงสั้น

ฝ่ายวิจัย KGI ประเมิน SET Index วันพฤหัสฯ แกว่งตัวลงต่อ… หลังจากเมื่อวานนี้ ตลาดหุ้นไทยปรับลงแรงกว่าที่เราคาดไว้ เพราะ i) ต่างชาติปรับพอร์ตขายสุทธิต่อแรง 4 พันล้านบาท หลังเงินบาทอ่อนค่าช่วงสั้น และ ii) มีแรงขายหนักในหุ้นกลุ่มอิเลกโทรนิกส์ ตามความกังวลต่อผลประกอบการไตรมาส 4/2565 ของกลุ่ม โดยหุ้น DELTA* ปิดลบ 4.12% และส่งผลลบต่อดัชนีฯ เมื่อวาน 4.0 จุด ขณะที่ในวันนี้ ปัจจัยโดยรวมต่อตลาดหุ้นเป็นลบเล็กน้อย กล่าวคือ 1) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับฐานลงค่อนข้างแรง หลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟด 2 ท่าน เตือนว่าแนวโน้มเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ยังไม่แน่นอน เพราะเศรษฐกิจในภาคแรงงานยังแข็งแกร่ง และยังมีโอกาสที่เฟดจะกลับมาปรับขึ้นดอกเบี้ยแรงเกิน 0.25% ต่อครั้งในอนาคต ประเด็นข่าวดังกล่าวน่าจะทำให้ sentiment ของสินทรัพย์เสียงในเอเชียยังคงเป็นลบ และฟันด์โฟลว์ต่างชาติน่าจะยังอยู่ในฝั่งขายในระยะสั้นๆ ด้านปัจจัยภายในประเทศ ผลประกอบการไตรมาส 4/2565 ส่วนใหญ่ออกมาต่ำกว่าที่ consensus คาดการณ์ และภาพรวมยังมีการปรับลดประมาณ การกำไร บจ. แม้จะไม่รุนแรง ทำให้ภาพระยะสั้นของ SET Index จะยังคงพักฐาน/แกว่งลงได้อยู่

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน เก็งกำไร CH, GULF*, ILM

  • CH (ยังไม่มีเป้าหมายใน Consensus) 1) ประเมินแนวรับ 4.5 บาท / แนวต้าน 4.7 – 4.84 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้าน +/- 5 บาท (Stop loss 4.4 บาท ) 2) ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานรับ Sentiment บวกจาก i) การเปิดประเทศหนุนยอดขายสินค้า ของฝาก (ผลไม้อบแห้งจากไทย) ii) ต้นทุนถ่านหินที่เป็นเชื้อเพลิงหลักปรับลดลงต่อเนื่อง ii) ค่าเงินบาทเริ่มอ่อนค่า หนุนการส่งออก (CH เน้นผลิต OEM ส่งออก) 3) จากการ Company visit คาดแนวโน้มผลการดาเนินงานปีนี้ยังเติบโตได้ จากแผนการลดภาวะ Low season โดยการปรับปรุงกระบวนการผลิตใหม่ เพื่อให้มีวัตถุดิบมะม่วง ผลไม้อื่นๆ ผลิตขายได้ในช่วง Low season
  • GULF (เป้าพื้นฐาน 62 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 53.5 บาท / แนวต้าน 54.5 บาท กรณี Break ผ่านแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป 56 – 57 บาท (Stop loss 53 บาท) 2) ฝ่ายวิจัย ฯ ประเมิน Earnings momentum ดีต่อเนื่อง อย่างน้อย 2 ไตรมาสติด โดยคาดกำไร 4Q65 โตเด่น YoY QoQ และ 1Q66 กำไรปกติลุ้นทำ New high (ผลจากการปรับขึ้นค่า Ft แต่ราคาพลังงานเริ่มทรงตัว / กำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น) 3) ประเมินการรุกลงทุนธุรกิจด้านเทคโนโลยี (อาทิ ดาวเทียม THCOM / Data center ฯลฯ) จะหนุนการเติบโตในอนาคตให้เด่นกว่าหุ้นโรงไฟฟ้าตัวอื่น 4) PBV 5.9 เท่า แม้จะคิดเป็นราว +1 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีต แต่คาด ROE ของ GULF จะเร่งตัวขึ้นจาก 10% ในปี 2565 เป็น +15% และ +17% ในปี 2566 – 67 ตามลำดับ
  • ILM (เป้า Consensus 23.5 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 19.3 บาท / แนวต้าน 20.0 บาท กรณี Break ผ่านแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป 21.0 บาท (Stop loss 19.0 บาท) 2) ประเมิน Sentiment บวกจาก i) การฟื้นตัวของภาคอสังหาฯ ทั้งคอนโดฯ และบ้านแนวราบในปีนี้ หนุนยอดขายสินค้าเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน ii) การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว หนุนธุรกิจ Community mall และรายได้ค่าเช่าพื้นที่ 3) ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงาน 4Q65 โต QoQ, YoY และดีต่อเนื่องใน 1Q66 รับอานิสงค์โครงการช้อปที่มีคืน และยอดโอนอสังหาฯ ที่โตเด่น 4) Valuation ยัง Laggard กลุ่มฯ โดย Forward PE ปีนี เพียง +/- 14 เท่า และคาดปันผลที่เหลือของปี 2565 อีก 0.45 บาท/หุ้น (Yield 2.3%)

หุ้นมีข่าว

(+) อีอีซี เร่งเครื่องไทยฮับ “อีวี” “บีวายดี” ลุยแผนตั้งโรงงาน 1.7 หมื่นล้าน – ‘เกรทวอลล์” สนผลิตกระบะไฟฟ้า (กรุงเทพธุรกิจ) “บีโอไอ” เร่งดึงซัพพลายเชน หนุนตั้งโรงงานแบต “อีอีซี” เดินเครื่องดันไทยสู่ฮับยานยนต์ไฟฟ้า ชี้มีบทบาทสำคัญต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไทยและภูมิภาค หลังดีมานด์เติบโตก้าวกระโดด “สกพอ.-บีโอไอ” เร่งดึงซัพพลายเชน หนุนตั้งโรงงานแบต “บีวายดี” ลุยแผนตั้งโรงงานทุ่มงบ 1.7 หมื่นล้าน ด้าน “เกรทวอลล์” วางแผนขยายไลน์โปรดักส์ ผลิตรถกระบะไฟฟ้า เผยอยู่ระหว่างเจรจาบีโอไอ

(+) บัตรเครดิต โค้งแรกโตแรง อานิสงส์ช้อปดีมีคืน – เศรษฐกิจฟื้น (กรุงเทพธุรกิจ) “KTC*-BAY-TTB*” ชี้ ยอดใช้จ่าย ม.ค.-ก.พ. พุ่ง 20% “แบงก์-นอนแบงก์” คาดยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตสะพัด “KTC*-BAY” คาด 2 เดือนแรกปีนี้ โตระดับ 20% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เหตุเศรษฐกิจขยายตัว ท่องเที่ยวพื้น มาตรการช้อปดีมีคืน ด้าน “TTB*” หวังไตรมาส 1/66 เพิ่มขึ้นกว่า 15% หลังจับมือพันธมิตรทำแคมเปญส่งเสริมการขาย

(+) RS ผนึกพันธมิตรอื้อ Q1 ปิดดีลธุรกิจเพลง (ทันหุ้น) RS จับตาไตรมาส 1/2566 ได้ข้อสรุป พาร์ตเนอร์ ธุรกิจเพลงใหม่ แย้มปี 2566 อาจปรับแผน เพิ่มการจัดคอนเสิร์ตและอีเวนต์ ปักธงปี 2566 รายได้รวมโต 30-40% แตะเหนือ 5.5 พันล้านบาท พร้อมรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 48-50% และ 11-13% ตามลำดับ แย้มยังมีดีลอยู่ระหว่างเจรจา 2-3 ดีล

(+) CEN เพิ่มทุนแลกหุ้น ASTI แตกไลน์ลุยชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (ผู้จัดการรายวัน 360 องศา) แคปปิทอล เอ็นจิเนียริง เพิ่มทุน 80 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาท จัดสรรให้ Mr. Loh Soon Gnee จำนวน 130,209,600 หุ้น หรือคิดเป็น 19.89% ของจำนวนหุ้นที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของ ASTI ในราคาเสนอขาย 2.702 บาท/หุ้น หรือคิดเป็นมูลค่ารวม 216,147,936 บาท เพื่อเป็นค่าตอบแทนซื้อหุ้นของ ASTI แทนการชำระด้วยเงินสด เปิดทางสู่ธุรกิจชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์

(+) CH ชูสินค้าใหม่รับจีน ต้นทุนลดมาร์จิ้นโดด (ทันหุ้น) CH ชูท่องเที่ยวขึ้นดันสินค้าขายดี เตรียมออก ผลิตภัณฑ์ใหม่รองรับจีนเที่ยวไทย แย้มต้นทุนมะม่วงลด บริหารที่ดันมาร์จิ้นขึ้นจาก 17% สู่ 20% เดินหน้าแพลนต์เบสมูลค่าเพิ่ม ลุยทำตลาดอินโดนีเซีย พร้อมปูพรมอาเซียนต่อยอด จับตาแจ้งงบประชุมบอร์ด 23 ก.พ.

หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า

  • BAFS (เป้าพื้นฐาน 36.5 บาท) แนวรับ 33.75 บาท / แนวต้าน 35-36 บาท กรณีผ่านแนวต้านได้ แนะนํา “Let profit run” (Trailing stop 32.75 บาท)
  • BJC* (เป้า Consensus 38.7 บาท) แนวรับ 38 บาท / แนวต้าน 40 บาท (Trailing stop 37.5 บาท)
  • WHA* (เป้าพื้นฐาน 4.4 บาท) แนวรับ 3.9 บาท / แนวต้าน 4.02-4.10 บาท (Stop loss 3.86 บาท)
  • KSL (เป้า Consensus 4.95 บาท) แนวรับ 3.64 บาท / แนวต้าน 3.78-3.90 บาท (Stop loss 3.60 บาท)
  • BH* (เป้าพื้นฐาน 250 บาท) แนวรับ 214 บาท / แนวต้าน 218-222 บาท (Stop loss 213 บาท)
  • ZEN* (เป้าพื้นฐาน 21 บาท) แนวรับ 18.1 บาท / แนวต้าน 18.7-19.2 บาท (Stop loss 17.7 บาท)
  • GLOBAL* (เป้าพื้นฐาน 24.4 บาท) แนวรับ 20.7 บาท / แนวต้าน 21.4-22.0 บาท (Stop loss 20.6 บาท)

Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้

  • BPP* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 17 บาท ฝ่ายวิจัยฯ คาดจะรายงานผลขาดทุน -70 ล้านบาท (พลิกขาดทุนจาก 3Q65) ราคาหุ้นที่ปรับขึ้นหลังจากที่ฝ่ายวิจัยฯ ปรับคำแนะนำขึ้นก่อนหน้านี้ สะท้อนการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานในปี 2565 – 66 ไปแล้ว จึงปรับคำแนะนำลงเป็น “ถือ” (เดิม “ซื้อ”)
  • AU แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 13.2 บาท ฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไร 4Q65 = 42 ล้านบาท (+216% YoY, +24% QoQ) จากยอดขายและอัตรากำไรที่คาดจะฟื้นตัว ยังคงมุมมองบวกต่อแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2566 และคงคำแนะนำ “ซื้อ”
  • OSP* แนะนำ “ถือ” เป้าพื้นฐาน 26 บาท ฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไร 4Q65 = 428 ล้านบาท (+75% QoQ, -50% YoY) อย่างไรก็ดี ฝ่ายวิจัยฯปรับลดประมาณการฯ ลง เนื่องจากยังประเมินความเสี่ยงจากต้นทุน และการจํากัดเพดานราคา ปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 26 บาท (เดิม 29.5 บาท) และคงคำแนะนำ “ถือ”

 

- Advertisement -