บล.ฟิลลิป:

KCE: 4Q65 กำไร 500 ลบ. -y-y และ -q-q

ทยอยซื้อ TP’66: 54.50

4Q65 กำไร 500 ลบ. อ่อนตัวลง -23.6% q-q ยอดขาย PCB ลดลง, GPM 21.2% ลดลง q-q มีการลดราคา 1- 2% และค่าเงินบาทที่แข็งค่าอย่างรวดเร็ว ทำให้ Natural hedge ได้น้อย และวัตถุดิบที่ซื้อมาช่วงบาทอ่อนทำให้ต้นทุนสูง กอรปกับมีการขาย consignment เพิ่มทำให้ Inventory เยอะ เกิด FX Loss คงคำแนะนำ “ทยอยซื้อ”

  • 4Q65 กำไรลดลง -28.6% y-y และ -23.6% q-q : กำไร 4Q65 อยู่ที่ 500 ลบ. ลดลง -28.6% y-y และ -23.6%q-q, GPM ที่ 21.2% ลดลง y-y และ q-q 1) ยอดขาย PCB ลดลง 2) ค่าเงินที่แข็งค่าอย่างรวดเร็วในไตรมาสที่ 4 ทำให้ natural hedge ได้น้อย และวัตถุดิบที่ซื้อมาในช่วงบาทอ่อนทำให้เกิดต้นทุนสินค้าที่สูง (ต้นทุนทั้งหมดเป็น USD50%) และคาดว่าจะส่งผลไปถึง 1Q66 3) ลดราคาให้ลูกค้า 1-2% 4) การขายแบบ consignment เพิ่มขึ้นทำให้มี Inventory ในระดับสูง เกิดขาดทุน FX loss 5) Financial cost เพิ่มจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่ม
  • ทั้งปี 65 กำไรสุทธิ 2,317 ลบ. -4.5%y-y: ปริมาณการขาย HDI 77.7% เพิ่มขึ้น y-y และมีการเปิดไลน์การผลิตใหม่ เพื่อแก้ปัญหาคอขวดการผลิต, GPM 22.8% ลดลง y-y จากสงครามยูเครน ทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น กระทบวัตถุดิบไฟเบอร์กลาสและพลีเพทสูงขึ้น ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักเกือบ 50% ของต้นทุน, Utilization rate ใกล้ 80% ยังใช้ได้ไม่มาก จาก Consumer electronic ที่อ่อนตัว แต่ได้ค่าเงินอ่อนค่าเข้ามาช่วย และมีลูกค้าจากจีนย้ายฐานการผลิตมา KCE เพิ่มขึ้น
- Advertisement -