บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Action TRADING (Downgrade)
TP upside (downside) +1.7%
Close Feb 8, 2023 Price (THB) 17.20
12M Target (THB) 17.50
Previous Target (THB) 18.10
What’s new?
- คาดกำไรปกติ 4Q65 ที่ 4.12 ล้านบาทเติบโต YoY จากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรของโรงไฟฟ้า SLG ราว 100 ล้านบาท (พลิกจากขาดทุน YoY) และความสามารถในการส่งผ่านต้นทุนที่ดีกว่าปีก่อน ขณะที่ QoQ คาดกำไรปกติลดลงจากการปิดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าหงสา, Temple และ Nakose เป็นหลัก
- ปรับกำไรปี 2565-2566 ลงเป็น 2,789 ล้านบาท และ 3,353 ล้านบาท ตามลำดับ จากราคาถ่านหินที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง และการปิดซ่อมโรงไฟฟ้า Nakoso ราว 1 ปี ในปี 2566
Our view
- กำไรปกติ 1Q66 มีแนวโน้มทรงตัว YoY เนื่องจากมีกระทบของการเริ่มปิดซ่อมโรงไฟฟ้า Nakoso จะถูกชดเชยจากการที่โรงไฟฟ้าหงสาไม่มีการปิดซ่อมบำรุงเหมือนใน 1Q65 ขณะที่ QoQ คาดกำไรปกติสามารถฟื้นตัวได้เพราะไม่มีการปิดซ่อมบำรุงของโรงไฟฟ้าหงสา และ Temple I
- ปรับราคาเหมาะสมลงเป็น 17.50 บาท/หุ้น ทําให้มี Upslide เหลือเพียง +1.7% จึงปรับคำแนะนำลงเป็น TRADING
BANPU POWER คาดกำไรปกติเติบโต YoY จากฐานที่ต่ำ
คาดกำไรปกติ 4Q65 เติบโต YoY จากฐานที่ต่ำ หลังส่งผ่านต้นทุนได้ดีขึ้น
คาดกำไรปกติ 4Q65 ที่ 412 ล้านบาท (-58% QoQ, +107% YoY) เติบโต YoY จากฐานที่ต่ำในปีก่อน โดย แรงหนุนจาก 1) การที่โรงไฟฟ้า SLG ได้รับถ่านหินในราคาต่ำกว่าตลาด โดยราคารับซื้ออยู่ราว 700 หยวน/ตัน เทียบกับราคาตลาดที่ราว 1,000 – 1,200 หยวน/ตัน (ตามนโยบายการรักษาความมั่นคงของพลังงานในจีน) ทำให้บริษัทฯ รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้า SLG ราว 100 ล้านบาท ใน 4Q65 (พลิกจากขาดทุน -51 ล้านบาทใน 4Q64) และ 2) การเริ่มขายไฟฟ้าให้กับภาคเอกชน (Power Trading) ทำให้โรงไฟฟ้า CHP ในจีนสามารถส่งผ่านต้นทุนที่สูงขึ้นได้ดีกว่าปีก่อน ขณะที่ QoQ คาดกำไรปกติลดลงจาก 1) การปิดซ่อมบำรุงบางส่วนของโรงไฟฟ้าหงสาและการปิดซ่อมบำรุงประจำปีของโรงไฟฟ้า Temple I และ โรงไฟฟ้า Nakoso 2) การออกจากช่วง High Season ของโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple I และ 3) ค่าใช้จ่าย SG&A ที่สูงขึ้นราว +39% QoQ จากค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการพัฒนาธุรกิจ Power Trading (ขายไฟฟ้าให้กับเอกชนโดยตรง) ในสหรัฐฯ
ปรับประมาณการปี 2565-2566 ลงจากแนวโน้มราคาถ่านหินที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง
ปรับประมาณการปี 2565 ลง 20% เป็น 2,789 ล้านบาท (+7% YoY) จาก 1) การปรับสมมติฐานราคาถ่านหินจีนขึ้นเป็น 1050 หยวน/ตัน (จากเดิม 950 หยวน/ตัน) และ 2) โรงไฟฟ้า Temple มีการปิดซ่อมบำรุงนานกว่าแผนราว 13 วัน (กดดันปริมาณขายไฟฟ้า) และปรับประมาณการปี 2566 ลง -16% เป็น 3,353 ล้านบาท (+20% YoY) จาก 1) การปรับสมมติฐานถ่านหินจีนขึ้นเป็น 950 หยวน/ตัน (จากเดิม 900 หยวน/ตัน) และ 2) บริษัทฯ จะมีการปิดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้า Nakoso เป็นระยะเวลา 1 ปี เพื่อปรับปรุงอุปกรณ์ในการผลิตไฟฟ้า โดยจะส่งผลให้มีการรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนราว 100 ล้านบาท จากค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมดังกล่าว หลังการซ่อมแซมบริษัทฯคาดโรงไฟฟ้า Nakoso จะกลับมามี Utilization Rate ราว 60-70% ได้ในระยะยาว (ปัจจุบันอยู่ที่ราว 30%)
กําไรปกติ 1Q66 มีแนวโน้มทรงตัว YoY แต่ฟื้นตัว QoQ
กำไรปกติ 1Q66 มีแนวโน้มทรงตัว YoY เพราะผลกระทบจากการเริ่มปิดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้า Nakoso สามารถชดเชยได้จากการที่โรงไฟฟ้าหงสาไม่มีการปิดซ่อมบำรุงเหมือนใน 1Q65 และคาดสามารถฟื้นตัวได้ QoQ จาก 1) ปริมาณขายไฟฟ้าในจีนที่ฟื้นตัวตามภาคการผลิตหลังจีนเปิดประเทศ 2) ต้นทุนถ่านหินในจีนที่มีแนวโน้มลดลง QoQ และ 3) ไม่มีการปิดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าหงสาและโรงไฟฟ้า Temple I เหมือนใน 3Q65
ราคาหุ้นมี Upside จำกัดแล้วหลังปรับตัวขึ้นมาแรง… ปรับคำแนะนำเป็น “TRADING”
ผลจากการปรับประมาณการส่งผลให้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2566 ลดลงเป็น 17.50 บาท/หุ้น ประกอบกับราคาหุ้นที่มีการปรับตัวขึ้นราว +14% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาจากแรงเก็งกำไรเกี่ยวกับการเปิดประเทศ และผ่อนคลายนโยบาย Zero-COVID ของจีน ส่งผลให้ Upside เหลือเพียง +1.7% จึงปรับคำแนะนำจาก “ซื้อ” ลงเป็น “TRADING”