บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

Action BUY (Maintain)

TP upside (downside) +38.8%

Close Feb 8, 2023 Price (THB) 13.60

12M Target (THB) 19.10

Previous Target (THB) 20.00

What’s new?

  • คาด TLI จะมีกําไรสุทธิ 4Q65 จํานวน 1,270 ลบ. ลดลง 42.50 หลังตั้งสำรองประกันภัยสําหรับสัญญาประกันภัยระยะยาวสูงขึ้น แต่คาดโตเด่น 551.8%YoY จากฐานต่ำใน 4Q64 ซึ่งมีบันทึกการตั้งสำรองสำหรับตราสารหนี้จํานวน 254 ลบ. ขณะที่ในแง่ดำเนินงาน คาดได้แรงหนุนจากเบี้ยประกันภัยรับสุทธิที่ดีขึ้น และ Combine Ratio ที่ผ่อนคลายลง
  • ส่วนปี 2566 คาดมีกำไรสุทธิ 10,736 ลบ. โด 15.6% YoY หนุนจากภาพรวมอุตสาหกรรมที่ดีขึ้น และการขายผ่านช่องทางตัวแทนที่ฟื้นตัว

Our view

  • ช่วงที่ผ่านมา TLI ถูกกดดันจากทิศทาง Bond Yield ที่เริ่มปรับตัวลง แต่เรามองราคาหุ้นที่ปรับตัวลงจนใกล้จุด All Time Low ได้สะท้อนประเด็นลบไปมากแล้ว ขณะที่ในแง่ของธุรกิจยังเห็นการเติบโตใน 4Q65 รวมถึงปี 2566 คาดโตต่อเนียง โดยราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside 38.8% จากมูลค่าพื้นฐานใหม่ปี 2566 ที่ 19.10 บาท (อิง P/EV ที่ 1x) และคาดให้ Div. Yield อีก 2% จึงคงคำแนะนํา “ซื้อ”

THAI LIFE INSURANCE (TLI) กำไรฟื้นตัวแรงจากฐานต่ำ ปี 66 ภาพรวมมีทิศทางดีขึ้น

คาดกำไร 4Q65 ที่ 1,270 ลบ. ลดลง 42.5%QoQ แต่โต 551.8%YoY จากฐานต่ำ

เราคาด TLI 4Q65 ที่ 1,270 ลบ. ลดลง 42.5%QoQ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการตั้งสำรองประกันภัยสำหรับสัญญาประกันภัยระยะยาวสูงขึ้น หลัง Bond Yield ไทยปรับตัวลง และมีจำนวนกรมธรรม์ใหม่ๆ เข้ามามากขึ้น แต่คาดโตเด่น 551.8%YoY จากฐานที่ต่ำใน 4Q64 ซึ่งบริษัทมีการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตสำหรับตราสารหนี้ที่มีปัญหาราว 954 ลบ. ขณะที่ใน 4Q65 คาดจะมีแรงหนุนจาก 1) เบี้ยประกันภัยรับสุทธิคาดโต 6.3%YoY จากความต้องการทำประกันชีวิตที่เพิ่มขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว บวกกับกิจกรรมการขายประกันชีวิตผ่านช่องทางตัวแทนที่ดีขึ้น หลังสถานการณ์ COVID-19 ผ่อนคลายลงไปมาก 2) คาด Combine Ratio ลดลงเล็กน้อยเหลือ 110.6% จาก 112.2% ใน 4Q64 จากค่าผลประโยชน์จ่ายที่ลดลง หลังความรุนแรงของ COVID-19 ลดลงมาก แต่บางส่วนถูกหักล้างด้วยค่า Commission ที่เร่งตัวขึ้น 21%YoY จากการเพิ่ม Incentive เพื่อให้พนักงานขายประกันที่เป็นกลุ่มอัตรากำไรสูง เช่น สัญญาเพิ่มเติม หรือกลุ่มที่เชื่อมโยงกับการลงทุน อย่าง Unit Link

ปี 2566 ทิศทางผลดำเนินงานสดใสขึ้นทั้งฝั่งประกันและฝั่งการลงทุน

เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิของ TLI ตั้งแต่ปี 2565-2566 ลงเฉลี่ยปีละ 10.6% เพื่อให้สอดคล้องกับงบ 4Q65 และแนวโน้มค่าใช้จ่าย Incentive ที่จะสูงขึ้น ทั้งนี้ภายใต้ประมาณการใหม่ เราคาด TLI จะมีกำไรสุทธิปี 2566 ที่ 10,736 ลบ. โต 15.6% YoY หนุนด้วยทิศทาง Combine Ratio ที่คาดลดลงเหลือ 109.4% จาก 110.2% ในปี 2565 หลังคาดผลประโยชน์จ่ายจะผ่อนคลายลง หลังความรุนแรงของการแพร่ระบาด COVID-19 ลดลงไปมาก นอกจากนี้คาดเบี้ยประกันภัยรับสุทธิโต 6.1%YoY สอดรับกับภาพรวมของอุตสาหกรรมที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจ รวมถึงการทำกิจกรรมการขายผ่านช่องทางตัวแทนขายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น หลังมาตรการป้องกัน COVID-19 ผ่อนคลายลง ส่วนรายได้จากเงินลงทุนคาดปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆ ตามปริมาณเบี้ยประกันที่ขยายตัว และการทยอย Rollover ตราสารหนี้ชุดเดิม เป็นตราสารหนี้ชุดใหม่ที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น

ราคาตอบรับปัจจัยลบไปมาก คงคำแนะนำ “ซื้อ”

ช่วงที่ผ่านมา TLI ถูกกดดันจากทิศทาง Bond Yield ที่เริ่มปรับตัวลง แต่เรามองราคาหุ้นที่ปรับตัวลงจนใกล้จุด All Time Low ได้สะท้อนประเด็นลบไปมากแล้ว ขณะที่ในแง่ของธุรกิจยังเห็นการเติบโตใน 4Q65 รวมถึงปี 2566 ที่คาดโตต่อเนื่อง โดยราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside 38.8% จากมูลค่าพื้นฐานใหม่ปี 2566 ที่ 19.10 บาท (อิง P/EV ที่ 1x) และคาดให้ Div. Yield อีก 1.8% จึงคงค้าแนะนำ “ซื้อ”

- Advertisement -