บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

Action BUY (Maintain)

TP upside (downside) +22.0%

Close Feb 8, 2023 Price (THB) 18.40

12M Target (THB) 22.50

Previous Target (THB) 22.50

What’s new?

  • เราคาดกำไรปกติใน 4Q65 ที่ 64 ล้านบาท -22%QoQ, -36%YoY หลักๆ มาจากต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น
  • เรามองผลประกอบการจะกลับมาฟื้นตัวเด่นในปี 2566 มีภาพยนต์ฟอร์มใหญ่ที่รอฉายจํานวนมาก และธุรกิจอื่นๆ ฟื้นตัวดี จีนเปิดประเทศมองเป็นบวกต่อดีลร่วมทุน กับพันธมิตรที่จีนในการสร้างภาพยนต์คาดกลับมาเดินหน้าต่อ

Our view

  • คงคำแนะนำ “ซื้อ” เรามองว่าผลประกอบการอยู่ในช่วง turnaround คาดหวังผลประกอบการฟื้นตัวโดดเด่นต่อเนื่องในปี 2566 จากฐานที่ต่ำ หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ที่บรรเทาความรุนแรงลง
  • เราประเมินมูลค่าพื้นฐานที่ 22.50 บาท โดยอิงวิธี DCF สมมติฐาน WACC ที่ 7.4%

MAJOR CINEPLEX GROUP คาด 4Q65 แผ่ว…มองปี 66 ฟื้นเด่น หนังฟอร์มใหญ่จ่อคิวแน่น

คาดกำไร 4Q65 ชะลอตัว QoQ, YoY จากต้นทุนที่เพิ่ม

เราคาดกำไรปกติใน 4Q65 ที่ 64 ล้านบาท -22%QoQ, -36%YoY (เทียบไตรมาสก่อนไม่รวมรายการพิเศษ จำนวน 61 ล้านบาท) โดยรายได้รวมปรับเพิ่ม 17%YoY เป็น 1,813 ล้านบาท ซึ่งเป็นการฟื้นตัวในเกือบทุกส่วนธุรกิจ โดยธุรกิจจำหน่ายตั๋วภาพยนต์ รายได้ +3%YoY ได้ผลบวกจากภาพยนต์ฟอร์มใหญ่ที่เข้าฉายมากขึ้นหลายเรื่อง อาทิ Black Adam, Black Panther2 – Wakanda forever, Avatar 2 ขณะที่ รายได้จากธุรกิจอาหาร และป๊อบคอร์น เติบโต 35% ตามจำนวนผู้ชมหนังที่เพิ่ม และมีเพิ่มช่องทางขายใหม่ อาทิ บูทขาย และช่องทางเดลิเวอร์รี่ รายได้โฆษณาฟื้น 27% YoY โดยบริษัทจะเริ่มลดการให้ส่วนลดกับลูกค้า อย่างไรก็ตาม พบว่าประสิทธิภาพในการทำกำไรไตรมาสนี้ลดลง เนื่องต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ทั้งโบนัสพนักงาน ด้อยค่าสินทรัพย์จากการปิดสาขา 2 แห่ง และรายการปรับปรุงค่าใช้จ่าย ส่งผลให้ EBITDA Margin ปรับลดลงจาก 3Q65 และ 4Q64 ที่ 23.4% และ 56.1% เหลือ 20.8%

แนวโน้มปี 2566 คาดฟื้นเด่น หนังฟอร์มใหญ่จอคิวแน่น

แนวโน้มปี 2566 เราคาดกำไรฟื้นตัวเด่น 269% YoY เป็น 907 ล้านบาท เนื่องจากเมื่อเทียบปีก่อน ในครึ่งปีแรกยังมีผลกระทบจาก COVID-19 ขณะที่ปีนี้ โรงภาพยนต์กลับมาฉายปกติทุกโรง และมีภาพยนต์ทั้งฮอลิวูดฟอร์มใหญ่ รวมถึงหนังไทยที่รอฉายจำนวนมาก อาทิ อาทิ Spiderman : Across the Spider Verse, Fast&Furious10, Guardians of the Galaxy Vol3., The Little Mermaid, Transformers : Rise of the Beasts, The Marvels, Mission Impossible -Dead Reckoning และภาพยนตร์ไทยหลายเรื่อง อาทิ เธอกับฉันกับฉัน ของ GDH แสงกระสือ2, ขุนพันธ์ 3 และ Home For rent เป็นต้น นอกจากนี้บริษัทเริ่มกลับมาเพิ่มโรงหนัง และขยายธุรกิจโบว์ลิ่ง-คาราโอเกะ ขณะที่เม็ดเงินโฆษณาสื่อโรงภาพยนต์ คาดว่าจะยังปรับตัวดีกว่าสื่ออื่นๆ ขณะที่บริษัทมีการรุกธุรกิจใหม่ๆ เพิ่มรายได้ อาทิ การจับมือ กับ TKN ผลิตป๊อปคอร์น และเพิ่มช่องทางการขายมากขึ้น

คงคําแนะนํา “ซื้อ”

เรามองว่าผลประกอบการอยู่ในช่วง turnaround คาดหวังผลประกอบการฟื้นตัวโดดเด่นต่อเนื่องในปี 2566 จากฐานที่ต่ำ หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ที่บรรเทาความรุนแรงลง ขณะที่เราเริ่มเห็น Synergy จากการจับมือกับพันธมิตทางธุรกิจในการขยายธุรกิจใหม่ๆ ทั้งกับ TKN และ WORK ขณะที่ประเด็นประเทศจีนผ่อนคลายการกักตัว เรามองเป็นบวกต่อ MAJOR ที่จะเดินหน้าต่อสำหรับดีลที่อยู่ระหว่างการศึกษา การร่วมทุนกับพันธมิตรที่จีนในการสร้างภาพยนต์เข้าฉายในโรงภาพยนต์ที่ประเทศจีน ซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่ โดยในประเทศจีนนั้นมีจอโรงภาพยนตร์กว่า 8 หมื่นจอ หากสำเร็จจะถือเป็นการเปิดตลาดใหม่ โดยเรายังไม่นับรวมในประมาณการเบื้องต้นเราประเมินมูลค่าพื้นฐานที่ 22.50 บาท โดยอิงวิธี DCF สมมติฐาน WACC ที่ 7.4% ราคาหุ้นของ MAJOR ช่วงที่ผ่านมาปรับลดลงตาม sentiment ตลาด กอปรกับ MAJOR เพิ่งหลุด SET100 ในรอบที่ผ่านมา เรามองว่าเป็นจังหวะที่ดีในการทยอยเข้าสะสม

- Advertisement -