Our View? “ชะลอกำลัง”
คาดตลาดวันนี้ “ยังคง Sideway” มีโอกาสเคลื่อนไหว +/- ภายใต้ปัจจัยต่างประเทศ (+) ผลประกอบการส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าคาด เช่น ดีสนีย์ และเป๊ปซี่โค แต่ (-) Bond Yield ปรับเพิ่มขึ้น ทั้ง 10 ปี และ 30 ปี อยู่ที่ 3.683% และ 3.744% ตามลำดับ ทำให้เกิดความกังวลต่อต้นทุนการชำระหนี้สูงขึ้นของผู้บริโภคและเอกชน พร้อมความกังวลต่อประเด็นเดิม โดยเฉพาะทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐอาจอยู่ในระดับสูงนานกว่าที่ตลาดคาดไว้ก่อนหน้า หลังเจ้าหน้าที่หลายรายของเฟดมีความเห็นในทิศทางเดียวกันกับการเดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยอยู่ในระดับที่คุมเข้ม (Restrictive Level) ต่อไปอีกประมาณ 2 – 3 ปี เพื่อกดดันอัตราเงินเฟ้อให้ชะลอตัวลง หลังตลาดแรงงานสหรัฐมีความแข็งแกร่ง และไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของเฟดช่วงก่อนหน้า คาดยังเป็นปัจจัยกดดันทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยง ขณะที่อยู่ระหว่างติดตามตัวเลข CPI (สัปดาห์หน้า) และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดต่อไป
ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน มี.ค. -0.5% ปิดที่ระดับ 78.06 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรงในตุรกีและซีเรีย ไม่ได้สร้างความเสียหายต่อท่อน้ำมันและโครงสร้างพื้นฐาน เหมือน คาดการณ์ก่อนหน้าว่าอาจทำให้ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกลดลง ขณะที่ตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐ ล่าสุดยัง จํากัด Upside การฟื้นตัวขึ้นของราคาน้ำมัน และคาดจะกดดันทิศทางราคาหุ้นในกลุ่มพลังงาน
อย่างไรก็ตาม เรามีมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางหุ้นในกลุ่มปิโตรเคมีมากขึ้น จากราคาน้ำมันดิบทรงตัว ส่งผลให้ Naphtha เริ่มทรงตัวเช่นกัน ขณะที่คาดความต้องการใช้ปิโตรเคมีดีขึ้นตามลำดับ หลังจีนกลับมาเปิดประเทศ คาด ช่วยหนุนราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี ทำให้ Spread ปิโตรเคมีเริ่มกว้างขึ้น โดยสัปดาห์ที่แล้วส่วนต่าง Ethylene- Naphtha และ HDPE-Naphtha ปรับตัวขึ้นกว่า 325.5% WoW และ 12.9% Wow ตามลำดับ คาดจะหนุนทิศทางหุ้นในกลุ่มปิโตรเคมี (PTTGC, IRPC และ IVL) ฟื้นตัวขึ้นได้
สําหรับปัจจัยในประเทศ ยังคงแนะนําให้ติดตามการรายงานผลประกอบการ 4Q’65 ต่อเนื่อง คาดจะส่งผลให้ตลาดผันผวนได้บ้างในช่วงสั้น จากการรายงานผลประกอบการของหุ้นในหลาย Sector ที่ส่วนใหญ่ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด แม้คาดจะกดดันทิศทาง EPS ของตลาดในปีนี้ได้บ้าง
อย่างไรก็ตาม เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจไทย คาดจะได้รับประโยชน์จากการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน รวมทั้งการที่กระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของจีนประกาศอนุญาตให้บริษัทนำเที่ยว สามารถจัดการท่องเที่ยวแบบหมู่คณะสำหรับชาวจีนไปประเทศต่างๆ 20 ประเทศ รวมถึงประเทศไทย คาดไทยจะเป็นเป้าหมายหลักจากการท่องเที่ยวดังกล่าว คาดจะเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่ม Re-Opening อาทิ AAV, BA ,CENTEL, MINT, ERW, CRC, SPA, AU, BAFS, MBK, VGI และ PLANB ได้ต่อ
ธีมการลงทุน “Selective Play”
หุ้นแนะนำวันนี้ “BBL” ภายใต้คาดการณ์ 1Q’166 เติบโตสูงจาก (1) การขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 0.4% ช่วงต้นปี ตามการปรับเพิ่มเงินน่าส่งกองทุน FIDF 0.23% (2) คาดรายการ FVTPL พลิกกลับมามีกำไร (3) OPEX ลดลงจากปัจจัยฤดูกาล และ (4) คาด ECL เพิ่มขึ้นไม่มากจากช่วง 4Q’65 ขณะที่คาด BBL มีความได้เปรียบสภาพคล่อง ส่งผลให้ NIM เพิ่มขึ้นได้ดีกว่าธนาคารอื่น สามารถปล่อยสินเชื่อในภาวะอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น โดยไม่ต้องระดมเงินฝากเพิ่มขึ้น และสามารถ Repricing ได้เร็วกว่าธนาคารอื่นๆ ประเมินราคาเป้าหมาย (เชิงพื้นฐาน) 178.00 บาท