บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง:

Sabina (SABINA TB) เติบโตอย่างมีเสถียรภาพ

แนะนำ ซื้อ ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 32 บาท

คาดการณ์กำไรเติบโตได้ดี 8-10% ในช่วง 4Q65 และมีโมเมนตัมเชิงบวกต่อเนื่องมาในปี 2566 ทั้งยอดขายและอัตรากำไร เราคาดว่ากำไรสุทธิปีนี้จะเป็นสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง โดยได้ผลบวกจากการฟื้นตัวของการบริโภค พร้อมทั้งการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพในด้านการผลิตสินค้าเอง และนำเข้าสินค้า SABINA ยังมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสม่ำเสมอที่ 5% เราคงแนะนำ ซื้อ โดย Roll forward ราคาเป้าหมาย (DCF, WACC 7.7%, G 2%) เป็นปีนี้ที่ 32 บาท จากเดิม 30.50 บาท

คาดกำไร 4Q65 เพิ่มขึ้น 8% QoQ และ 10% YoY

เราคาดว่ายอดขายใน 4Q65 เพิ่มขึ้น 11% QoQ, 7% YoY เป็น 859 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงยอดขายสูงสุดที่เคยทำได้ช่วงก่อนโควิดใน 2Q62 โดยยอดขายเพิ่มขึ้นทั้งทางสาขา ทาง NSR และ OEM จากการฟื้นตัวของการจับจ่ายใช้สอย ประกอบกับ SABINA ยังคงมียอดขายสูงสุดในกลุ่มแฟชั่นสำหรับแคมเปญ 11.11 ขณะที่ยอดขาย OEM ให้กับลูกค้ายุโรปมีการส่งมอบสินค้าที่เลื่อนมาจาก 3Q65 อัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าเพิ่มขึ้นเล็กน้อย อีกทั้งควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดี ทำให้สัดส่วนค่าใช้จ่ายต่อยอดขายลดลงเป็น 32.8% จาก 33.6% ใน 4Q64 เราประเมินกำไรสุทธิ 108 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% QoQ, 10% YoY กำไรปี 2565 คาดว่าฟื้นตัว 43% เป็น 419 ล้านบาท ซึ่งเป็นกำไรสูงสุดใหม่ คาดเงินปันผล 2H65 เท่ากับ 0.60 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนครึ่งปี 2.3%

ยอดขายและอัตรากำไรเป็นแนวโน้มขาขึ้น

ยอดขายมีทิศทางเติบโตต่อเนื่องในปี  2566 ตามการอุปโภคบริโภคในประเทศและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว บริษัทยังได้รับคำสั่งซื้อสินค้า (OEM) จากลูกค้าในอังกฤษและยุโรปไปจนถึงเดือน เม.ย. เราประเมินยอดขายปีนี้เติบโต 9% อัตรากำไรขั้นต้นฟื้นตัวขึ้น 64 bps YoY เนื่องจากโรงงานกลับมาผลิตเป็นปกติแล้วหลังจากเมื่อกลางปีก่อนได้รับผลกระทบจากโควิด อีกทั้งบริษัทยังมีความยืดหยุ่นการผลิตสินค้าด้วยการจ้างโรงงานอื่นผลิตสินค้าซึ่งมีต้นทุนต่ำ กว่า การนำเข้าสินค้าจากประเทศจีนมีการเปลี่ยนจากสกุลดอลล่าร์มาเป็นสกุลเงินหยวนเพื่อลดความเสี่ยงจากการผันผวนของเงินดอลล่าร์

เงินปันผลดีสม่ำเสมอ, ROE เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

เราคาดว่า SABINA ยังมีแนวโน้มจะจ่ายเงินปันผล (Pay-out ratio) 100% ของกำไรได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งคิดเป็นอัตราผลตอบแทน 5% โดยบริษัทมีการใช้เงินลงทุนปีละไม่เกิน 50 ล้านบาท และฐานะการเงินแข็งแกร่งซึ่งเราคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนในปี 2565-2567 อยู่ที่เพียง 0.1-0.2 เท่า นอกจากนั้น อัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 25% ในปีนี้ จาก 22.6% ในปี 2565

- Advertisement -