บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Action BUY (Maintain)
TP upside (downside) +39.2%
Close Feb 9, 2023 Price (THB) 7.90
12M Target (THB) 11.00
Previous Target (THB) 11.00
What’s new?
- คาดกำไร 4Q65 ชะลอตัว YoY จากเม็ดเงินโฆษณาสื่อทีวีที่ลดลง และต้นทุนของการจัดงานอีเว้นที่สูง
- ปี 2565 เราคาดกำไรปกติชะลอตัว 7.2% YoY เนื่องจากเม็ดเงินโฆษณาสื่อทีวียังคงได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อ รวมถึงรายได้ที่ฟื้นตัวอย่างการจัดงานอีเว้นต์มีอัตรากำไรที่ต่ำกว่า
- ปี 2566 กลับมาเติบโต +22.5%YOY ตามเศรษฐกิจฟื้นตัว รายได้คอนเทนท์เพิ่มขึ้นจากการผลิตที่เป็นปกติ และการกลับมาจัดอีเว้นท์คอนเสิร์ตได้
Our view
- เรามีมุมมองเป็นลบระยะสั้นต่อแนวโน้มผลประกอบการ 4Q65 ที่ชะลอตัว และฟื้นตัวช้ากว่าที่เราคาดไว้ เราคาดหวังการฟื้นตัวตั้งแต่ 2Q66 ตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมโฆษณา
- บริษัทมีศักยภาพในการเติบโตสูงด้านการผลิตคอนเทนต์ และการเข้าถึงของผู้ชมผ่านช่องทางออนไลน์ คงคำแนะนำ ซื้อ โดยเราให้มูลค่าพื้นฐาน ณ สิ้นปี 2566 ที่ 11.00 บาท
ONE ENTERPRISE (ONEE) กำไร 4Q65 ชะลอตัว YoY
คาด 4Q65 กำไรสุทธิชะลอตัว YoY
เราประเมินกำไรปกติใน 4Q65 ที่ 173 ล้านบาท (+5.7% QoQ, -15.8% YoY) แต่หากหักการกลับรายการ ของรายได้จากภาษีเงินได้รอตัดบัญชีมูลค่าราว 72 ลบ. กำไรใน 4Q65 จะชะลอตัวทั้ง QoQ และ YoY จากเม็ดเงินโฆษณาของสื่อทีวีที่ยังคงซบเซา และโดนกดดันจากภาวะเศรษฐกิจ โดยบริษัทฯ ใช้กลยุทธ์ลดเวลาการ On-air ลง และนำคอนเทนท์เดิมมารีรันแทนเรื่องใหม่ เพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิต แต่การรีรันส่งผลให้รายได้จากการขายลิขสิทธิ์ลดลง เนื่องจากจะไม่มีคอนเทนท์ใหม่ในการขาย อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพในการทำกำไรเราคาดจะทำได้แย่ลง เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่ลดลงน้อยกว่ารายได้ ส่งผลให้ GPM ลดลงมาอยู่ที่ 38.0% จาก 40.7% ใน 3Q65 และ 48.1% ใน 4Q64 เราคงประมาณการกำไรปี 2565 ชะลอตัว 7.2% YoY เป็น 769 ล้านบาท เนื่องจากเม็ดเงินโฆษณาของสื่อทีวีที่ได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อ และฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด รวมถึงรายได้ที่ฟื้นตัว อย่างการจัดงานอีเว้นต์ และคอนเสิร์ตมีอัตรากำไรที่ต่ำกว่า
ปี 2566 คาดผลประกอบการจะกลับมาเติบโต
ปี 2566 บริษัทฯ มีแผนเตรียมส่งออกคอนเทนท์ ปรับเพิ่มราคาขายและขยายไปยังตลาดต่างประเทศ รวมถึงเพิ่มสัดส่วนของการการบริหารศิลปิน งานอีเว้นต์ เข้ามามากขึ้น ในส่วนของเม็ดเงินโฆษณาทีวี บริษัทฯ มองว่าอาจจะยังไม่เห็นการเติบโตชัดเจน โดยจะยังคงจำนวนคอนเทนต์ในการรีรัน และปล่อยเรื่องใหม่เท่าที่จำเป็นในช่วง High Season เพื่อควบคุมต้นทุนให้มากที่สุด เราคาดผลประกอบการปี 2566 จะกลับมาเติบโต 22.5%YoY เป็น 942 ล้านบาท โดยเราประเมินว่าอุตสาหกรรมโฆษณาผ่านสื่อทีวีฟื้นตัวราว 7% YoY รวมถึงกิจกรรมงานอีเวนต์ และคอนเสิร์ตสามารถกลับมาจัดได้ตามปกติ ซึ่งจะมีรายได้จากการหาสปอนเซอร์ และการบริหารศิลปินเข้ามาช่วยหนุนการเติบโต รวมถึงการต่อยอดจับมือกับพาร์ทเนอร์ต่างชาติทั้ง Co-Production และ Distribution ได้แก่ 1) SBS จากเกาหลี ปัจจุบันเริ่มดำเนินการผลิต แล้วคาดจะ On-air ช่วง Prime Time ในปลายปี 2566 รวมถึงมีการคุยเรื่องการทำ distribution ไปต่างประเทศร่วมกัน โดยอาศัย Network ของทาง SBS 2) Netflix มีการเซ็นสัญญารับจ้างผลิต Original content เรียบร้อยแล้ว และ 3) Amazon Prime อยู่ระหว่างเจรจาเรื่องการผลิต Original content และเตรียมเซ็นสัญญา
คาดฟื้นตัวในตั้งแต่ 2Q66 คงคำแนะนำ “ซื้อ”
เรามีมุมมองเป็นลบระยะสั้นต่อแนวโน้มผลประกอบ 4Q65 ที่ชะลอตัว และฟื้นตัวช้ากว่าที่เราคาดไว้ เราคาดหวังการฟื้นตัวตั้งแต่ 2Q66 ตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมโฆษณา เราประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 2566 ที่ 11.00 บาท โดยอิงวิธี DCF ที่ WACC ที่ 8.8%