บล.บัวหลวง:
Thai Oil (TOP TB/TOP.BK)
TOP – กำไรไตรมาส 4/65 ต่ำกว่าคาด; แนวโน้มแข็งแกร่งขึ้นในไตรมาสหน้า
กําไรสุทธิต่ำกว่าคาด
TOP รายงานกําไรสุทธิไตรมาส 4/65 ที่ 147 ล้านบาท ลดลง 97% YoY แต่เพิ่มขึ้น 1,154% QoQ หากไม่รวมรายการพิเศษ กำไรหลักจะอยู่ที่ 4,386 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 108% YoY แต่ลดลง 6% QoQ กำไรสุทธิต่ำกว่าที่เราและตลาดคาด (คาดการณ์กำไรสุทธิที่ประมาณ 270 ล้านบาท) สาเหตุหลักมาจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่สูงกว่าคาด TOP ประกาศจ่ายเงินปันผล สําหรับครึ่งหลังของปี 2565 ที่ 1.70 บาทต่อหุ้น ซึ่งคิดเป็นอัตราตอบแทนจากเงินปันผลขั้นต้นที่ 3.0% (จะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 23 ก.พ. และจ่ายปันผลในวันที่ 27 เม.ย.)
ประเด็นสําคัญจากผลประกอบการ
ผลขาดทุนอย่างมากจากสต็อกน้ำมันและการป้องกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน เป็นปัจจัยสำคัญที่อยู่เบื้องหลังผลประกอบการไตรมาส 4/65 ที่อ่อนแอ ในด้านการดำเนินงานปัจจัยหลักที่หนุนการเติบโตของกำไรหลัก YoY ได้แก่ ค่าการกลั่นตลาดรวม (Market GIM) ที่ปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่ปัจจัยหลักที่ส่งผลให้ทําไรหลักปรับตัวลดลง QoQ ได้แก่ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล โดยสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 1.3% ในไตรมาส 4/65 จาก 0.7% ในไตรมาส 3/65
อัตราการใช้กำลังการกลั่นของ TOP ในไตรมาส 4/65 อยู่ที่ 103% ปรับตัวลดลงจาก 109% ในไตรมาส 4/64 และ 104% ในไตรมาส 3/65 (การปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นตามแผน) ในขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงงานอะโรเมติกส์อยู่ที่ 67% ลดลงจาก 81% ในไตรมาส 4/64 แต่เพิ่มขึ้นจาก 70% ในไตรมาส 3/65 (optimization) ในส่วนของอัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงงานน้ำมันหล่อลื่นอยู่ที่ 43% ปรับตัวลงจาก 88% ในไตรมาส 4/64 และ 86% ในไตรมาส 3/65 (การปิดซ่อมบำรุงโรงงานตามแผน) ค่าการกลั่นตลาดรวม (market GIM) อยู่ที่ 11.1 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับตัวขึ้นจาก 7.0 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในไตรมาส 4/64 (ค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้น และส่วนต่างราคาน้ำมันหล่อลื่นที่สูงขึ้น) และ 8.8 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในไตรมาส 3/65 (ค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้น และส่วนต่างราคาอะโรเมติกส์ที่เพิ่มขึ้น)
แนวโน้ม
เราคาดค่าการกลั่นจะขยายตัว YoY และ QoQ ในไตรมาส 1/66 หนุนโดยอุปสงค์ผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปในวงกว้างที่ปรับตัวดีขึ้น, อุปสงค์น้ำมันดีเซลนํ้ามันเครื่องบิน, และน้ำมันเตาที่มีส่วนผสมของท่ามะถันในระดับสูงที่แข็งแกร่งขึ้นตามฤดูกาล, อุปทานที่ตึงตัว, และต้นทุนน้ำมันดิบที่ลดลง ต้นทุนน้ำมันดิบมีแนวโน้มที่จะลดลง QoQ ในไตรมาส 1/66 ตามทิศทางของราคาน้ำมันดิบ ส่วนต่างราคาอะโรเมติกส์ (เทียบกับ ULG95) และส่วนต่างราคาน้ำมันหล่อลื่นมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น YoY (ทรงตัว QoQ)
จากแนวโน้มดังกล่าว เราคาดค่าการกลั่นตลาดรวม (market GIM) ไตรมาส 1/66 ของ TOP จะปรับตัวเพิ่มขึ้น YoY และ QoQ อัตราการใช้กำลังการกลั่น คาดว่าจะทรงตัว YoY แต่เพิ่มขึ้น QoQ (ไม่มีการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นตามแผน) ในขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงงานอะโรเมติกส์มีแนวโน้มทรงตัว YoY แต่ปรับตัวดีขึ้น QoQ นอกจากนี้อัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงงานน้ำมันหล่อลื่นมีแนวโน้มทรงตัว YoY แต่เพิ่มขึ้น QoQ (ไม่มีการปิดซ่อมบำรุงโรงงาน) ดังนั้นกำไรหลักไตรมาส 1/66 ของ TOP คาดว่าจะขยายตัว YoY และ QoQ
สิ่งที่เปลี่ยนแปลง
เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ของเราที่ 12,018 ล้านบาท ไว้ดังเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
คำแนะนำ
คาดการณ์การเติบโตของกำไรหลักที่แข็งแกร่งต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 1/66 น่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นได้ต่อไป มูลค่าหุ้นยังคงอยู่ในระดับที่น่าสนใจ โดยซื้อขายที่ PBV ณ สิ้นปี 2566 ที่เพียง 0.8 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 1.4 เท่าอยู่ 1.2 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน) เราจึงยังคงคำแนะนำ ซื้อ