Daily Focus: Selective and Earnings Play

2023SET Target: 1750

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่ง Sideways Down ต่อเนื่องตามคาด ปิดลบอีก 4.60 จุด และไม่สามารถยืนปิดเหนือแนวรับ 1,670 จุดได้ ทำให้ภาพทางเทคนิคยังค่อนไปในทางลบ หุ้น DELTA เผชิญแรงขายจากทั้ง Valuation ที่แพง และตลาดไม่มั่นใจผลประกอบการหลัง KCE ออกมาแย่ ส่วน MAKRO เผชิญแรงเทขายหลังไม่ถูกเข้าคำนวณ MSCI รอบนี้ สถาบันในประเทศซื้อสุทธิในตลาดหุ้นบางๆ 123 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายต่อเนื่องเป็นวันที่ 10 อีก 2.4 พันลบ. (และยัง Short Index Futures อีก 1.9 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่งตัว Sideways to Sideways Down กรอบ 1,655-1670 จุด จากบรรยากาศการลงทุนที่ไม่สดใสนัก ตลาดรอจับตาดูเงินเฟ้อ CPI เดือน ม.ค. ของสหรัฐฯ คืนพรุ่งนี้ ซึ่งตลาดคาดว่าจะชะลอตัว แต่เริ่มเห็นสัญญาณลงช้า ขณะที่ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของตลาดเริ่มทยอยปรับเพิ่มคาดการณ์ปรับขึ้น และสูงยาวนานกว่าคาด FED ตั้งแต่สัปดาห์ก่อน ทำให้เม็ดเงินยังคงไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยง ทั้งหุ้นรวมถึงพันธบัตร สะท้อนผ่าน Bond Yield สหรัฐฯ ที่ยังไต่ระดับขึ้นต่อเนื่อง 30-45 bps MTD ส่วนปัจจัยในประเทศโฟกัสอยู่ที่ผลประกอบการ 4Q22 โดยเท่าที่ประกาศออกมาส่วนใหญ่ยังค่อนไปในทางต่ำกว่าคาด อย่างไรก็ตาม กลุ่ม Reopening ตัวแรก คือ AOT ที่ประกาศออกมาสามารถพลิกมามีกำไรได้ ทำให้เรายังคาดว่ากลุ่มกำไรของหุ้น Domestic และ Reopening Play จะออกมาแข็งแรงกว่าภาคการผลิต และ Global Play ภาพรวมตลาดคาดว่ายังอยู่ในช่วงพักตัวระยะสั้น หลังปรับขึ้นแรงจากช่วงปลายปีก่อน อย่างไรก็ตาม ยังมองจังหวะปรับฐานบริเวณ 1,600+- จุด ยังเป็นโอกาสในการสะสมระยะกลาง-ยาวจากเศรษฐกิจไทยที่ทยอยเร่งตัว ส่วนระยะสั้นเน้น Selective หุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและคาดกำไร 4Q22 โดดเด่น

กลยุทธ์ : เลือกเก็งกำไรหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และคาดกำไร 4Q22 แข็งแกร่ง//ระยะกลาง-ยาวสะสม Domestic และ Reopening Play ช่วงพักตัว

หุ้นเด่นเดือน ก.พ. : BA, BDMS, BEM, CENTEL, NOBLE

หุ้นเด่นวันนี้ : BDMS

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 34 บาท
  • คาดกำไร 4Q22 -12% q-q ตามปัจจัยฤดูกาล แต่ +13% y-y หนุนจากทั้งผู้ป่วยไทยและผู้ป่วยต่าชาติที่ฟื้นตัวดีต่อเนื่อง ทำให้รายได้คาดว่ายังเติบโตแข็งแรง -1% q-q, +9% y-y โดยรายได้ผู้ป่วยไทยคาดสูงกว่าช่วงก่อน COVID-19 ราว 4% ขณะที่ต่างชาติคาดกลับมาเท่าช่วงก่อน COVID-19
  • เราคาดกำไรปี 2022 +61% y-y และเติบโตต่อเนื่องอีก +4% y-y ในปี 2023 โดยหนุนจากทั้งผู้ป่วยไทยและโดยเฉพาะต่างชาติที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง รวมถึงแรงหนุนจากการเปิดประเทศของจีน
  • แนวรับ 28.50-28 บาท แนวต้าน 30.50-31//32 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนไหลไหลออกจากภูมิภาคบางๆ US$158 ล้าน ทั้งไต้หวัน เกาหลีใต้ US$94 ล้านและ US$42 ล้าน ตามลำดับ ส่วนไทยยังคงไหลออกสูงสุดในอาเซียนอีก US$72 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังอยู่ในทิศทางไหลออก ตลาดรอจับตาเงินเฟ้อสหรัฐฯคืนพรุ่งนี้และยังเห็นการณ์ขยับคาดการณ์ดอกเบี้ยของ FED ที่สูงและยาวนานขึ้น

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) AOT ประกาศกำไรปกติ 1QFY23 ที่ 343 ลบ. จากขาดทุนในไตรมาสก่อนๆ และดีกว่าที่เราคาดเล็กน้อยจากรายได้สัมปทานที่สูงกว่าคาด ภาพรวมรายได้เติบโตเร่งขึ้น +35% q-q จากปริมาณผู้โดยสารทั้งในและต่างประเทศที่เร่งขึ้นเป็น 79% และ 54% ตามลำดับ เทียบกับก่อน COVID-19 ขณะที่ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในอัตราที่ต่ำกว่าแนวโน้มกำไร 2QFY23 คาดว่ายังเร่งตัวขึ้นต่อเนื่องตามปริมาณผู้โดยสารที่ยังฟื้นตัว คงราคาเป้าหมาย 85 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(-) GPSC ประกาศผลขาดทุนสุทธิ 4Q22 ที่ 436 ลบ. หากตัดรายการค่าตัดจำหน่าย GLOW ออกจะมีกำไรปกติบางๆ 21 ลบ. -97% q-q, -99% y-y แรงกดดันมาจาก Gross Margin ที่หดตัวจากต้นทุนก๊าซและถ่านหินที่ปรับขึ้น ปริมาณขายไฟฟ้าให้ลูกค้า IU ชะลอตัว รวมถึง Unplanned Shutdown แนวโน้มผลการดำเนินงานคาดทยอยฟื้นตัวในไตรมาสถัดๆ ไปจากปัญหาต่างๆ และต้นทุนพลังงานที่คาดเห็นทิศทางชะลอลง ปัจจุบันยังให้ราคาเป้าหมาย 68.50 บาท แนะนำเพียง “ถือ”

(-) PSL ประกาศกำไรสุทธิ 4Q22 ที่ 605 ลบ. -55% q-q, -66% y-y ต่ำกว่าเราคาด 21% และตลาดคาด 29% จากค่าระวางเรือที่ลดลงเร็วเหลือ US$14,343 ต่อลำต่อวัน (-28% q-q, – 46% y-y) เราคาดกำไรปี 2023 -32% y-y เหลือ 3.3 ลบ. ก่อน +6% y-y ในปี 2024 แม้กำไร ปี 2023 จะสูงกว่าก่อนโควิดแต่ทิศทางยังน่าจะลด q-q อีก 2 ไตรมาสเป็นอย่างน้อย ดัชนี BSI ตั้งแต่ต้นปียังลง -41% YTD คงราคาเป้าหมาย 17 บาท แนะนำาเพียง “ถือ”

(-) SCCC ประกาศขาดทุนสุทธิ 4Q22 ที่ 903 ลบ. ต่ำกว่าตลาดคาดว่าจะกำไร 100 ลบ. แต่หากตัดรายการภาษีที่ศรีลังกาและขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนจะมีผลขาดทุนปกติ 105 ลบ. จากทั้งรายได้ที่โตต่ำจาก Demand ที่ชะลอ ขณะที่ต้นทุนพลังงานที่สูงยังกดดัน Margin จบปี 2022 มีกำไรปกติ +6% y-y ส่วนปี 2023 ยังคาด +5% y-y ราคาเป้าหมายยังอยู่ที่ 260 บาท แนะนำเพียง “ถือ”

(0) AP คาดกำไร 4Q22 ที่ 1.14 พันลบ. -20% y-y, +15% y-y โดยการชะลอ q-q เนื่องจากส่วนแบ่งกำไรจาก JV ที่ลดลงเพราะไม่มีการโอนใหม่ รวมถึงค่าใช้จ่าย SG&A ที่ปรับขึ้น จบปี 2022 คาดกําไรที่ 5.9 พันลบ. +29% y-y แนวโน้มปี 2023 คาดยังโตต่อเนื่องจากการตั้งเป้าที่ Aggressive ทั้การเปิดโครงการใหม่ รวมถึงโฟกัสที่ตลาด Luxury เราคาดกำไรปี 2023 ที่ 6.3 พันลบ. +7% y-y ประเมินราคาเป้าหมาย 14 บาท แนะนำ “ซื้อ”

 

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 169.39 จุด หรือ +0.50% ปิดที่ 33,869.27 จุด จากตัวเลขความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้น ขณะที่เจ้าหน้าที่ FED ออกมาส่งสัญญาณว่า FED ยังจำเป็นต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อต่อไป

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ จากความกังวลถึงแนวโน้มของธนาคารกลางชั้นนำจะปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไปนานกว่าที่ตลาดคาด

(-) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดลบ ขณะที่นักลงทุนรอตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้

(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 33.75 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 1.66 ดอลลาร์ หรือ 2.13% ปิดที่ 79.72 ดอลลาร์/บาร์เรล ได้แรงหนุนจากรัสเซียประกาศแผนการที่จะปรับลดการผลิต น้ำมัน 500,000 บาร์เรล/วัน ในเดือนมี.ค. หรือคิดเป็น 5% ของปริมาณการผลิตทั้งหมด ในขณะที่เช้านี้ย่อตัวลงที่ระดับ 79.24 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.60%

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 4 ดอลลาร์ หรือ 0.21% ปิดที่ 1,874.5 ดอลลาร์/ออนซ์ ถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ปรับตัวขึ้น ในขณะที่เช้านี้ปรับลงต่อที่ระดับ 1,874.2 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ -0.02%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 920.79 / –

- Advertisement -