บล.บัวหลวง:
ADVANC – ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์
What’s new?
เราเข้าร่วมประชุมนักวิเคราะห์ ADVANC วันศุกร์ที่ผ่านมา สัญญาณเชิงบวกได้แก่ การหยุดขายโปรโมชั่น “fixed-speed unlimited” และนำออกจากตลาดตั้งแต่ช่วงปลาย 4Q22 โดยแทนที่โปรโมชั่น “cap max on usage” แทน ส่งผลให้คาดว่าแนวโน้มและทิศทางของ ARPU ของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นและเป็นขาขึ้นอย่างชัดเจนในปี 2023
Highlights:
- หลังจากที่ ADVANC หยุดขายโปรโมชั่น fixed speed unlimited และหันมาใช้โปรโมชั่น cap max on usage แทนตั้งแต่ปลาย 4Q22 คู่แข่งได้แก่ TRUE และ DTAC หันมาทำตาม ADVANC เริ่มตั้งแต่ปลายเดือนม.ค. ที่ผ่านมา
- ความคืบหน้าของดีลพันธมิตรคลื่น 700MHz คาดว่าสภาพัฒน์ฯ จะพิจารณา เรื่องนี้ในวันที่ 1 มี.ค. นี้ ถ้าสภาพัฒน์ฯ อนุมัติคาดว่าขั้นตอนต่อไปได้แก่ การนำ เรื่องนี้เข้าสู่รัฐสภาเพื่ออนุมัติเซ็นรับรองดีลนี้
- ผู้บริหารคาดดีลซื้อกิจการ TTTBB และสัดส่วน 19% ใน JASIF คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายใน 2Q23 ภายใต้สมมติฐานว่ามีการตั้งคณะกรรมการย่อยเข้ามาดูแลใน แต่ละส่วนงานที่จะวิเคราะห์ด้านผลกระทบของดีลนี้
- การจัดตั้ง TowerCo หรือ Infra Fund ยังคงอยู่ระหว่างการศึกษาและคาดว่า จะใช้ระยะเวลา ซึ่งคงต้องเปรียบเทียบทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่จะยังคงใช้แหล่งเงินกู้จากสถาบันการเงินเป็นทางเลือกหลักก่อน
- ผู้บริหารมองว่าการแข่งขันด้านราคาดูเริ่มนิ่ง และราคาโปรโมชั่นที่ต่ำในปัจจุบันไม่ได้สะท้อนราคาที่แท้จริง และมองว่ามีโอกาสของการปรับราคาเพิ่มขึ้นแต่ ก็ขึ้นอยู่กับภาวะการแข่งขันเป็นสำคัญ
- ผู้บริหารมองแนวโน้มของค่าใช้จ่ายด้านการตลาดที่ทรงตัวหรือลดลง แต่ไม่เพิ่มขึ้นจากการหันมาทำระบบดิจิทัลมากขึ้น
- คาดว่า ARPU ของ FBB มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นนับจากนี้จากการนำเอาแพ็กเกจราคาต่ำ 299 บาทออกไปจากตลาด และคาดรายได้ของทั้ง FBB และ enterprise nonmobile เติบโตเป็นตัวเลขสองหลักในปี 2023 ในขณะที่รายได้โมบายมีแนวโน้มเติบโต 3-5%
View From Fundamental:
- เรามองว่าการแข่งขันด้านราคาที่ลดลงของทั้งธุรกิจโมบายและ FBB รวมถึงเศรษฐกิจมหภาคที่ฟื้นตัวจากเงินเฟ้อที่คลี่คลายและนักท่องเที่ยวที่กลับมาจะเป็นปัจจัยผลักดันรายได้บริการ และกำไรของ ADVANC (ที่ยังไม่รวมผลกระทบของการรวมงบ TTTBB และ JASIF) ในปีนี้ให้กลับมาเติบโตอย่างน้อย 3-5% ตามรายได้บริการ เรายังคงเลือก ADVANC เป็น top pick ในกลุ่มไอซีทีที่ราคาเป้าหมาย 257 บาท ณ สิ้นปี 2023 โดยมี EV/EBITDA อยู่ที่ 7.4 เท่าเทียบกับค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 7.63 เท่าและจุดสูงสุดเร็วๆ นี้ที่ 8.81 เท่าในเดือนธ.ค. 2021