สรุปภาวะตลาด
วันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหว sideway ในแดนลบ ตลอดช่วงการซื้อ-ขาย เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นสหรัฐ แรงขายมาจากหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ค้าปลีก ส่วนแรงซื้อมาจากหุ้นกลุ่มไอซีที ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,664.57 จุด -4.60 จุด -0.28% มูลค่าการซื้อขาย 58,917 ลบ.ต่างชาติ -2,441.29 ลบ. TFEX -19,436 สัญญา ตราสารหนี้ +422.98 ลบ.
ปัจจัยบวก+
+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 169.39 จุด +0.50% เนื่องจากนักลงทุนขานรับการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้น แต่ดัชนี Nasdaq ปิดลบจากความวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น โดยในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 0.2%
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้น 1.66 ดอลลาร์ หรือ 2.13% ปิดที่ 79.72 ดอลลาร์/บาร์เรล และเพิ่มขึ้น 8.6% ในรอบสัปดาห์นี้โดยได้แรงหนุนจากความกังวลว่าตลาดน้ำมันจะตึงตัว หลังจากรัสเซียประกาศแผนการที่จะปรับลดการผลิตน้ำมัน
+ แบบจําลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 2.2% ในไตรมาส 1/2566 สูงกว่าระดับ 2.1% ที่มีการเปิดเผยก่อนหน้านี้
+ รัฐบาลเกาหลีใต้มีแผนจะกลับมาออกวีซ่าระยะสั้น ให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีนอีกครั้ง หลังจากที่จีนได้ทำการ ปรับปรุงสถานการณ์โควิด-19 ภายในประเทศ
ปัจจัยลบ-
– กระทรวงพาณิชย์สหรัฐขึ้นบัญชีดำองค์กรของจีน 6 แห่ง ซึ่งได้แก่บริษัทจีน 5 แห่ง และสถาบันวิจัยของจีน 1 แห่งในข้อหาให้การสนับสนุนความพยายามที่จะปรับปรุงกองทัพจีนให้ทันสมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการอวกาศ ของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน ซึ่งรวมถึงเรือเหาะและบอลลูน
– ตลาดพันธบัตรสหรัฐเกิดภาวะ inverted yield curve ในวันนี้ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นดีดตัวเหนือพันธบัตรระยะยาว ซึ่งเป็นการบ่งชี้ถึงแนวโน้มการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
– นายกรัฐมนตรีแคนาดาได้ออกแถลงการณ์ว่า กองบัญชาการป้องกันการบินและอวกาศอเมริกาเหนือ ได้ยิงวัตถุบินได้ที่ยังไม่สามารถระบุประเภทได้ร่วงลงที่บริเวณพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ แคนาดาเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา หลังจากที่วัตถุดังกล่าวได้ บินรุกล้ำเข้ามายังน่านฟ้าของแคนาดา
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีวันน้ียังแกว่งตัวผันผวนในลักษณะ Sideway ออกข้าง โดยมีแรงกดดันจากความเสี่ยงทางด้านภูมิ รัฐศาสตร์ที่เร่งตัวขึ้นอีกครั้ง หลังกองทัพสหรัฐยืนยันว่าได้ยิงบอลลูนสอดแนมของจีน ขณะนักลงทุนยังติดตามผล ประกอบการของบริษัทจดทะเบียนอย่างใกล้ชิด มองกรอบดัชนีในวันน้ีที่ 1,656-1,670 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
- จีนเปิดประเทศ+เราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 : MINT CENTEL ERW SPA AU SHR
- หุ้นยั่งยืนด้านพลังงานหมุนเวียน : EA TSE SSP SUPER PRIME
- หุ้นได้ประโยชน์จากรถยนต์ไฟฟ้า : EA GPSC BCP OR DELTA
- หุ้น mai เด่นปี 66 : SPA D CEYE AU
- หุ้นเช่ือมโยงการเมือง : TKS SIRI PR9 SC STEC
- หุ้นเข้าคำนวณ MSCI Global Standard : เข้า BANPU ออก – , MSCI Global Small Cap : เข้า AURA BTG ONEE SNNP และ THCOM ออก BANPU COM7 TIDLOR และ TISCO มีผล 28 ก.พ.น้ี
หุ้นรายงานพิเศษ
กลุ่มท่องเที่ยว ดีตามจำนวนนักท่องเที่ยว TOP PICK: CENTEL ERW SPA AU
- จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศไทยปี 2565 อยู่ที่ 11,818,727 คน เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่มีนักท่องเที่ยว 427,869 คนเนื่องจากประเทศไทยเริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวและยกเลิกมาตรการ Test & GO ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 65 เป็นต้นมา นอกจากนี้จีนได้เปิด ประเทศในวันที่ 8 ม.ค. 66 เพื่อให้ประชาชนเดินทางออกนอกประเทศ และในวันที่ 6 ก.พ. 66 จีนอนุญาตให้จัดกรุ๊ปทัวร์เพื่อเดินทางมายังประเทศไทยได้
- ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อกลุ่มโรงแรม CENTEL ERW ซึ่งมีสัดส่วนรายได้จากโรงแรมในประเทศสูงที่สุด ร้านอาหารที่มีลูกค้าเป็นนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวจีน AU และนวดสปาที่กลุ่มลูกค้าหลักเป็นลูกค้าชาวจีน SPA เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปี 2565 และมีโอกาสเติบโตต่อเนื่องสู่ 25 ล้านคนในปี 2566 ล้านคน
หุ้นมีข่าว
(-) TOP (Bloomberg consensus 64.00 บาท) รายงานกำไร 4Q65 ต่ำกว่าที่ตลาดคาด 44% รายงานกำไร 4Q65 ที่ 147 ลบ. -97%YoY แต่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ QoQ เนื่องจากค่าการกลั่นปรับตัวขึ้นจาก 6.7 $/bbl ใน 3Q65 สู่ 9.3 $/bbl เนื่องจาก crude premium ปรับตัวลงจาก 10.5 $/bbl ใน 3Q65 สู่ 7$/bbl อย่างไรก็ตามมีการหยุดซ่อมบำรุงใหญ่หน่วยกลั่นที่ 2 เป็นเวลา 26 วัน และมีผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันดิบและผลขาดทุนจากเครื่องมือทางการเงินราว 8.3 พันลบ. ขณะที่ธุรกิจปิโตรเคมี่อ่อนตัวลงตามส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่ลดลง ทั้งนี้ รายงานกำไรปี 2565 ที่ 32,668 ลบ. +160%YoY เนื่องจากมีกำไรจากการขาย GPSC ราว 1 หมื่นลบ.
- ความเห็น เราคาดว่าค่าการกลั่นใน 1Q66 จะปรับตัวขึ้นตามส่วนต่างน้ำมันอากาศยานและเบนซิน ขณะที่ราคาน้ำมันเริ่มสร้างฐานได้ทำให้ผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันดิบลดลง เราจึงแนะนำ ซื้อ
(-) GPSC (Bloomberg consensus 80.00 บาท) รายงานขาดทุนมากกว่าที่ตลาดคาดไว้ รายงานขาดทุน 4Q65 ที่ 436 ลบ. พลิกจากกำไรในไตรมาสก่อน เนื่องจากโรงไฟฟ้า SPP กำไรลดลง ตามราคาขายไฟฟ้าที่ลดลงจาก 4.86 บาทต่อหน่วยใน 3Q65 สู่ 4.68 บาทต่อหน่วย อีกทั้งต้นทุนก๊าซธรรมชาติและถ่านหินปรับตัวขึ้นจาก 513 $/MMBTU และ 355 $/TON ใน 3Q65 สู่ 534 $/MMBTU และ 423 $/TON ตามลำดับ นอกจากนี้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมลดลงจาก 638 ลบ. ในไตรมาสก่อนสู่ 281 ลบ. เนื่องจากกำไรเขื่อนไซยะบุรีลดลงตามปัจจัยฤดูกาล
- ความเห็น เรามีมุมมอง Positive ต่อ 1Q66 เนื่องจากภาครัฐให้ปรับค่า Ft ขึ้นใน ม.ค.66-เม.ย.66 อีก 61.43 สตางค์ต่อหน่วย ขณะที่ราคาต้นทุนก๊าซธรรมชาติและถ่านหินเริ่มทรงตัว เราจึงแนะนำ ซื้อ
(+) ITEL (Bloomberg consensus 5.00 บาท) เดินหน้าในการประมูลงาน Data Service & Data Center ต่อเนื่อง เล็งคว้างานใหม่ 3-4 พันล้านบาท เติมพอร์ต ดันงานในมือสิ้นปีแตะ 6-7 พันล้านบาท ส่วนปีนี้ปักธงรายได้ 3.5 พันล้านบาท จากปีก่อนคาดทำได้ตามเป้าที่ 3.2 พันล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)
(+) PLUS (Bloomberg consensus 10.80 บาท) “โรแยลพลัส” ลั่นเป้ารายได้ปี 66 โต 30% ลุยขยายตลาด เพิ่มช่องทางขาย ออกสินค้าใหม่ และปรับบรรจุภัณฑ์สินค้าเดิม รวมทั้งเริ่มรับรู้รายได้ ไลน์ผลิตขวด PET ปลายไตรมาส 2/66 หนุนความสามารถทำกำไรเพิ่ม ทุ่มงบ 200 ล้านบาท เพิ่มกำลังผลิต 76 ล้านขวด/ปี (ที่มา ทันหุ้น)
ปัจจัยจับตาในประเทศ
- สัปดาห์ที่ 3 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม
- 15-16 ก.พ. สภาผู้แทนราษฎร เปิดอภิปรายทั่วไป โดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152
- 17 ก.พ. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) แถลงตัวเลข GDP 4Q65
- สัปดาห์ที่ 4 สํานักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค
- สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และชิ้นส่วนยานยนต์
- สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) แถลงดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม
- 28 ก.พ. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
ปัจจัยจับตาต่างประเทศ
- 13 ก.พ. สหรัฐ รายงานตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อของผู้บริโภคสหรัฐเดือนม.ค.
- การประชุมยูโรกรุ๊ป
- 14 ก.พ. อียู รายงานผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2565 (ประมาณการครั้งที่ 2)
- สหรัฐ รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน ม.ค.
- 15 ก.พ. สหรัฐ รายงานยอดค้าปลีกเดือนม.ค.
- ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนก.พ.จากเฟดนิวยอร์ก ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนก.พ. การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค. สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนธ.ค. ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย เดือนก.พ.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB)
- 16 ก.พ. สหรัฐ รายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์