MEB เบอร์หนึ่ง E-Book เมืองไทย ลั่นระฆังเทรดวันแรก ชูจุดแข็งเป็นบริษัทปลอดหนี้-ผู้ถือหุ้นใหญ่ Lockup 100% วางแผนอนาคตไกลสยายปีกต่างแดนเพิ่มฐานรายได้ใหม่
บมจ.เมพ คอร์ปอเรชั่น (MEB) หุ้นไอพีโอน้องใหม่ มั่นใจเทรดวันแรกได้รับกระแสการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน ชูจุดเด่นผู้นำธุรกิจ E-Book ยอดผู้ใช้งานกว่า 8,000,000 ราย สะท้อนความสำเร็จจากผลงานที่ผ่านมา ทั้งรายได้และกำไรที่เติบโตแบบอย่างแข็งแกร่ง ล่าสุดงวด 9 เดือนปี 65 กวาดรายได้มากถึง 1,263.54 ล้านบาท มีกำไรแล้ว 241.85 ล้านบาท ขณะที่ตลอดทั้งปี 64 ทำกำไรไว้ 275.34 ล้านบาท ด้านซีอีโอ “รวิวร มะหะสิทธิ์” มั่นใจผลงานปีนี้เติบโตโดดเด่นต่อเนื่อง ฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง ไม่มีภาระหนี้สินที่มีดอกเบี้ย ที่สำคัญผู้มีส่วนร่วมในการบริหารแสดงความมั่นใจประกาศขอล็อคอัพหุ้นในส่วนที่เหลือจาก Silent period ทั้งจำนวน ระบุแผนการระดมทุนครั้งนี้ ช่วยผลักดันธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน เตรียมนำเงินระดมทุนที่ได้ไปใช้ขยายธุรกิจแพลตฟอร์มทั้งในและต่างประเทศ และเชื่อมั่นสามารถเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต
นายรวิวร มะหะสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมพ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (MEB) ในฐานะผู้นำธุรกิจจำหน่ายหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) ผ่านแพลตฟอร์ม meb และ readAwrite ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับอ่านวรรณกรรมออนไลน์ระดับแนวหน้าของประเทศไทย เปิดเผยว่า ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566 หุ้น MEB จะเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เป็นวันแรก ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ โดยจุดเด่นของบริษัท คือ มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับหนึ่งเมื่อพิจารณาจากรายได้รวม โดยในงวด 9 เดือนแรกปี 2565 บริษัท มีจำนวนผู้ใช้งาน (Registered Users) ประมาณ 8.20 ล้านราย สามารถแยกเป็นผู้ใช้บริการเฉลี่ยต่อเดือน (Monthly Active User หรือ MAU) ประมาณ 6.29 ล้านราย โดยสาเหตุที่เป็นที่นิยมในหมู่นักอ่าน เนื่องจากเป็นแพลตฟอร์มที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย อีกทั้งยังมีเนื้อหาสำหรับทุกกลุ่มเป้าหมาย ประกอบกับสามารถรองรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่หลากหลาย อาทิ คอมพิวเตอร์ สมาร์ตโฟน และแท็บเล็ต
ทางด้านผลการดำเนินงานของบริษัท ในปี 2562 – 2564 มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง โดยบริษัท มีรายได้รวมเท่ากับ 618.72 ล้านบาท 1,004.68 ล้านบาท 1,456.38ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 82.09 ล้านบาท 164.74 ล้านบาท 275.34 ล้านบาท ตามลำดับ ล่าสุดในงวด 9 เดือนของปี 2565 ยังสร้างผลงานที่โดดเด่นโดยมีรายได้รวม 1,263.54 ล้านบาท มีกำไรสุทธิมากถึง 241.85 ล้านบาท
“แผนการเข้าระดมทุนในครั้งนี้ บริษัท มีวัตถุประสงค์การใช้เงินเพื่อขยายธุรกิจที่อยู่ในแพลตฟอร์มปัจจุบัน ขยายธุรกิจใหม่ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจปัจจุบันไปยังต่างประเทศโดยใช้ภาษาท้องถิ่น หรือการสร้างแพลตฟอร์มวรรณกรรมออนไลน์ใหม่ในภาษาอังกฤษ เพื่อเป็นการสร้างฐานรายได้ใหม่เพิ่มขึ้น ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและปรับปรุงพัฒนาแพลตฟอร์มปัจจุบันเพื่อมุ่งสร้างประสบการณ์ที่พิเศษให้แก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งบริษัท มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ไม่มีภาระหนี้สินที่ก่อให้เกิดดอกเบี้ย ภายหลังจากการระดมทุนในครั้งนี้ จะสามารถต่อยอดความเป็นผู้นำในธุรกิจด้วยการพัฒนาแพลตฟอร์มและระบบการดำเนินงาน และทำให้ MEB มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น เป็นที่ยอมรับทั้งในและต่างประเทศ สอดคล้องกับแผนการขยายธุรกิจของบริษัท และเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนให้ผลประกอบการบริษัท เติบโตแข็งแกร่ง และสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนในอนาคต” นายรวิวร กล่าว
นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จํากัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญของ MEB มั่นใจการซื้อขายหุ้นวันแรกในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566 จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน โดยผู้ถือหุ้นใหญ่ยังสร้างความมั่นใจต่อผู้ลงทุนเพิ่มเติม โดยหุ้นในส่วนของ “ผู้มีส่วนร่วมในการบริหาร” ที่ไม่ติด silent period จำนวน 59,500,500 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 19.83 ทางผู้ถือหุ้นประกาศขอล็อคอัพทั้งจำนวน ช่วยตอกย้ำความมั่นใจให้แก่นักลงทุนว่าจะไม่มีการขายหุ้นจากผู้ถือหุ้นใหญ่ในวันเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ในวันแรก
การเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในตลาด mai แล้ว จะทำให้ MEB มีศักยภาพในการเพิ่มขีดความสามารถเพื่อการเติบโตได้อีกมาก โดยบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ในอัตรารวมกันไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิ
“เรามั่นใจว่าหุ้น MEB จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน ซึ่งการเสนอาขายหุ้น IPO ที่่ผ่านมา มีทั้งนักลงทุนสถาบันและนักลงรายย่อยให้ความสนใจจองซื้อหุ้นเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อธุรกิจของกลุ่มบริษัท เนื่องจากมองเห็นถึงศักยภาพการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต นอกจากนี้ ทีมผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์และมีความรู้ความเข้าใจในอุตสาหกรรมนี้เป็นอย่างดี โดยบริหารบริษัท มาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน ด้วยความตั้งใจที่จะสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ไปพร้อมกับความมุ่งมั่นที่จะนำคอนเทนต์ต่างๆ ของนักเขียนไทยแปลเป็นภาษาต่างชาติเพื่อสร้างซอฟต์ พาวเวอร์ สู่ตลาดโลก ตามแผนการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ อีกทั้ง MEB ยังอยู่ในอุตสาหกรรมที่ลดการก่อมลภาวะเป็นพิษต่อโลก ซึ่งเป็นไปตามนโยบายบริษัท ในการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มุ่งสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการนี้” นายพิเชษฐ กล่าวในที่สุด