บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง:
Mega Lifesciences (MEGA TB) คาดกำไร 4Q65 อ่อนตัว QoQ จากธุรกิจแบรนด์และธุรกิจจัดจำหน่าย
คงแนะนำ “ซื้อ” และคงราคาเป้าหมายที่ 66.50 บาท
เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” และคงราคาเป้าหมายที่ 66.50 บาท เราปรับประมาณการกำไรหลักปี 65 ลง หลังคาดว่างบไตรมาส 4Q65 จะอ่อนแอกว่าที่คาด เนื่องจาก 1) อัตรากำไรขั้นต้นลดลง จากค่าเงินบาทที่แข็งค่า และ 2) ต้นทุน SG&A ที่สูงขึ้นจากโปรโมชั่นที่มากขึ้น อย่างไรก็ตาม เรายังคงประมาณการกำไรหลักไม่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่ปี 66 เป็นต้นไป และยังคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 66.50 บาท ทั้งนี้ MEGA เป็น Top Pick ของเราในกลุ่มธุรกิจสุขภาพของ ไทย จากแนวโน้มระยะยาวที่ดี กำไรเพิ่มขึ้น 2 เท่าในทุกๆ 5-6 ปี บริษัทจะประกาศผลประกอบการปี 65 ในวันที่ 23 ก.พ. นี้
คาดกำไร 4Q65 ดีขึ้น YoY แต่ลดลง QoQ
เราคาดว่ารายได้ในไตรมาส 4/65 จะเพิ่มขึ้น 11% YoY แตะระดับ 3.6 พันล้านบาท โดยได้รับแรงหนุนหลักจากธุรกิจแบรนด์ (+21% YoY) จากทั้งอาหารเสริมและยา ในขณะที่การเติบโตของธุรกิจจัดจำหน่ายนั้นเติบโตเล็กน้อย 2% YoY เนื่องจากสถานการณ์ท้าทายในเมียนมาร์ ซึ่งเป็นตลาดหลัก โดยในไตรมาสนี้ เราคาดว่าค่าใช้จ่าย SG&A ต่อยอดขายรวมจะเพิ่มขึ้น 0.5ppt QoQ เป็น 27.5% เนื่องจาก MEGA ทุ่มงบส่งเสริมการขายมากขึ้น เราคาดว่าจะขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน 30 ล้านบาทจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น โดยกำไรหลักใน 4Q65 อาจลดลง 31% QoQ และ 3% YoY มาอยู่ที่ 463 ล้านบาท
แนวโน้มระยะยาวยังเติบโตแข็งแกร่ง
ผู้บริหารตั้งเป้ากำไรเพิ่มขึ้นสองเท่าจากปี 62-68 และเราก็เชื่อว่าเป็นไปได้ในอดีต MEGA มีผลกำไรเติบโตในอัตราเลขสองหลักในแต่ละปี เนื่องจากลูกค้ามีความภักดีต่อผลิตภัณฑ์แบรนด์ของบริษัท และความเป็นผู้นำตลาดของ MEGA ในธุรกิจจัดจำหน่ายที่เติบโตอย่างรวดเร็วในเมียนมาร์ กัมพูชา และเวียดนาม เราคาดการณ์กำไรหลักจะสูงถึง 2.8 พันล้านบาทในปี 68 เพิ่มขึ้นจาก 1.2 พันล้านบาทในปี 62
Top Pick กลุ่ม Healthcare ความเสี่ยงสำคัญ คือ สถานการณ์ในพม่า
เราใช้วิธี DCF, WACC 9.9% และ Terminal Growth 3% ในการประเมินมูลค่าหุ้น MEGA ซึ่งซื้อขายที่ P/E ปี 66 ที่ 18.7 เท่า ซึ่งต่ำที่สุดในบรรดาบริษัทด้านสุขภาพในภูมิภาค ถือว่าราคาหุ้นยังน่าสนใจเนื่องจากมีศักยภาพในการเติบโตในระยะยาวที่มั่นคง
ความเสี่ยงที่สำคัญ คือ ธุรกิจของ MEGA ในเมียนมาร์ ซึ่งอาจเผชิญกับความท้าทายทางการเมืองและเศรษฐกิจต่อไป