บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Action TRADING (Maintain)
TP upside (downside) +0.0%
Close Feb 10, 2023 Price (THB) 3.40
12M Target (THB) 3.40
Previous Target (THB) 3.60
What’s new?
- รายงานกำไรสุทธิ 4Q65 ที่ 564 ล้านบาท ดีขึ้น +5% QoQ จากกำไร FX แต่ผลประกอบการยัง -44% YoY
- หากนับเฉพาะกำไรปกติจะอ่อนแอลงทั้ง QoQ และ YoY เพราะผลกระทบการสิ้นสุด Adder เต็มไตรมาส ทำให้ GPM ทำได้เพียง 23.7% (ค่าสุดตั้งแต่เข้าตลาด) และมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น
- ปี 2566 กำไรสุทธิอยู่ที่ 2.8 พันล้านบาท ต่ำกว่าคาด 7% และอ่อนแอลง -33% YoY
Our view
- แนวโน้ม 1Q66 ฟื้นตัว QoQ จากการรับรู้ค่าไฟฟ้า Ft ที่สูงขึ้นมาก และต้นทุนเชื้อเพลิงถ่านหินเริ่มทยอยลดลงตามราคาในตลาดโลกที่ปรับฐานตั้งแต่ต้นปี
- ปรับกำไร่ปี 2566 ลง 18% เป็น 2.5 พันล้านบาท เพื่อความระมัดระวังจากผลกระทบ Adder สิ้นสุดเต็มปี
- ราคาเหมาะสมใหม่ที่ 3.40 บาท ปัจจุบันหุ้นมี Dividond Yield 5-8% ทั้งนี้ทิศทางกำไร – เคลื่อนไหวของราคาหุ้นระยะกลางไม่เด่น เพราะ Adder โรงไฟฟ้า TG4 และ TG6 จะสิ้นสุดปี 2568 จึงคงคำแนะนำเพียง TRADING
TPI POLENE POWER ผลการดำเนินงานยังปรับตัวลง
4Q65 กำไรปกติยังอ่อนแอลง QoQ และ YoY
ประกาศงบ 4Q65 กำไรสุทธิทำได้ 564 ล้านบาท ลดลง -44% YoY ขณะที่ปรับตัวดีขึ้น +5% QoQ เนื่องจากมีกำไรอัตราแลกเปลี่ยน 50 ล้านบาท (เงินบาทแข็งค่า) เทียบกับขาดทุน FX 35 ล้านบาทใน 3Q65 หากนับเฉพาะกำไรปกติอยู่ที่ 514 ล้านบาท (-10% QoQ, -48% YoY) โดยผลการดำเนินงานหลักอ่อนแอลง QoQ และ YoY โดยแม้ว่าราคาขายไฟฟ้าจะได้แรงหนุนจากการปรับขึ้นค่า Ft เป็น 93.43 สตางค์ต่อหน่วย เต็มไตรมาส อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรขั้นต้นทำได้เพียง 23.7% (-420bps QoQ, -1,690bps YoY) ต่ำสุดตั้งแต่เข้าตลาดปี 2560 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการสิ้นสุดของอัตราค่าไฟฟ้าส่วนเพิ่ม (Adder) เต็มไตรมาส (โรงไฟฟ้า TG3 สัญญาขายไฟฟ้า 18 MW ตั้งแต่เดือนม.ค. 2565 และโรงไฟฟ้า TG5 สัญญาขายไฟฟ้า 55 MW ตั้งแต่เดือนส.ค. 2565) นอกจากนี้ ค่าใช้จ่าย SG&A ยังเพิ่มขึ้น +30% QoQ และ +28% YoY ตามปัจจัยฤดูกาล
ปี 2565 ได้รับผลกระทบจาก Adder สิ้นสุด และต้นทุนถ่านหินระดับสูง
ภาพรวมปี 2565 มีกำไรสุทธิ 2.8 พันล้านบาท ต่ำกว่าที่เราประเมินไว้ที่ 3.0 พันล้านบาทราว 7% และผลประกอบการลดลง -33% YoY จากรายได้ที่ต่ำลง -8% และอัตรากำไรขั้นต้นเหลือ 29.6% (จาก 44.1% ในปี 2564) เพราะรับรู้ผลกระทบจากการสิ้นสุด Adder ของโรงไฟฟ้า 2 แห่ง และต้นทุนเชื้อเพลิงถ่านหินอยู่ระดับสูง
ปรับประมาณการลง 18%
แนวโน้มผลประกอบการ 1Q66 ปรับตัวดีขึ้น QoQ จากการรับรู้การเรียกเก็บค่าไฟฟ้า Ft เดือนม.ค. – เม.ย. 2566 ที่ 154.92 สตางค์ต่อหน่วย เพิ่มขึ้นจากรอบเดือนก.ย. – ธ.ค. 2565 ที่เรียกเก็บ 93.43 สตางค์ต่อหน่วย รวมทั้งต้นทุนเชื้อเพลิงถ่านหินจะเริ่มทยอยปรับตัวลดลง หลังราคาถ่านหินในตลาดโลกปรับฐานลงอย่างชัดเจนตั้งแต่ต้นปี 2566 อย่างไรก็ตาม เพื่อเพิ่มความระมัดระวังต่อผลกระทบจากการสิ้นสุด Adder เต็มปี เราปรับประมาณการปี 2566 ลง 18% เป็น 2.5 พันล้านบาท (-10% YoY)
ระยะสั้นยังไม่เด่น….รอโครงการใหม่ช่วยชดเชย Adder สิ้นสุด
ประเมินราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2566 ใหม่ที่ 3.40 บาท (เดิม 3.60 บาท) ด้วยวิธี Implied Dividend Yield ที่ 5.0% (เท่าเดิม) อ้างอิงสมมติฐาน Payout ratio ที่ 57% (เดิม 50%) ราคาปัจจุบันหุ้นมี Dividend Yield 5-6% ทั้งนี้ทิศทางผลประกอบการ – การเคลื่อนไหวของราคาหุ้นระยะกลางไม่เด่น เพราะ Adder จะทยอยสิ้นสุดโดยเฉพาะโรงไฟฟ้า TG4 และ TG6 จำนวน 90 MW ช่วงเดือนเม.ย. 2568 นักลงทุนจึงอาจรอดูความชัดเจนจากการเข้าประมูลโครงการโรงไฟฟ้าใหม่เพื่อสร้างกำลังผลิตไฟฟ้าชดเชยผลกระทบดังกล่าวก่อนเข้าลงทุน และคำแนะนำ TRADING
ความเสี่ยง – ราคาพลังงานสูงกว่าคาด, ปิดซ่อมบำรุงนอกแผน, การแทรกแซงค่า Ft, ความสำเร็จของโครงการเมือง ต้นแบบที่ อ.จะนะ, การประมูลโครงการโรงไฟฟ้าใหม่