บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

Action BUY (Upgrade)

TP upside (downside) +19.7%

Close Feb 10, 2023 Price 68.50

12M Target 82.00

GLOBAL POWER SYNERGY (GPSC) ขาดทุนแต่ไม่เหนือความคาดหมาย

Earnings Results

  • ประกาศงบ 4Q65 ขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 436 ล้านบาท (พลิกจากกำไร 331 ล้านบาทใน 3Q65 และกำไร 1.2 พันล้านบาท ใน 4Q64) แต่ถือว่าอยู่ในกรอบที่เรา และ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ว่าจะขาดทุน 380-500 ล้านบาท
  • แม้ว่า 4Q65 จะรับรู้การปรับขึ้นค่าไฟฟ้า Ft เป็น 93.43 สตางค์ต่อหน่วยเต็มไตรมาส และมีเงินเคลมประกันภัยจากเหตุการณ์หยุดผลิตนอกแผนของโรงไฟฟ้า Glow Energy Phase 5 และ Gheco-One จํานวน 408 ล้านบาทเข้ามาช่วย อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการอ่อนแอลง QoQ และ YoY เนื่องจาก 1) ต้นทุนเชื้อเพลิงของโรงไฟฟ้า SPP ยังปรับตัวสูงขึ้นทั้งก๊าซธรรมชาติ (+4% QoQ, +61% YoY) และถ่านหิน (+19% QoQ, +193% YoY) เพราะโครงสร้างราคาก๊าซที่มี Lag-time 1 เดือน และผลกระทบจากค่าความชื้นของถ่านหิน 2) ปริมาณขายไฟฟ้า – ไอน้ำของโรงไฟฟ้า SPP ลดลง QoQ และ YoY เนื่องจากลูกค้าอุตสาหกรรมหยุดซ่อมบำรุงหลายราย 3) การหยุดผลิตนอกแผนของโรงไฟฟ้า Glow Energy Phase 5 และ Gheco-One 4) ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทลูกต่ำลงตามปัจจัยฤดูกาลของโรงไฟฟ้าไชยะบุรี 5) ค่าใช้จ่าย SG&A สูงขึ้น +60% QoQ, +10% YoY จากการบันทึกค่าที่ปรึกษาการลงทุน 6) ต้นทุนการเงินสูงขึ้น +13% QoQ, +34% YoY จาก การออกหุ้นกู้ Green Bond 7) ค่าตัดจำหน่ายสินทรัพย์ 270 ล้านบาทจากการทบทวนอายุการใช้ประโยชน์สินทรัพย์กับสัญญาจำหน่ายไฟฟ้า
  • ประกาศเงินปันผลงวด 2H65 ที่ 0.30 บาท/หุ้น (คิดเป็น Yield 0.4%) ขึ้น XD วันที่ 24 ก.พ. และจ่ายเงินวันที่ 19 เม.ย.

Our Take

  • ปี 2566 คาดผลประกอบการจะฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ 1Q66 เพราะ 1) อัตรากำไรการจำหน่ายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้า SPP สูงขึ้นตามการปรับขึ้นค่า Ft งวดเดือนม.ค. – เม.ย. 2566 ซึ่งจะเรียกเก็บที่ 154.92 สตางค์/หน่วย (+61.49 สตางค์/หน่วย จาก 4Q65) โดยประเมิน Sensitivity ทุก 1 สตางค์จะส่งผลต่อกำไร 63 ล้านบาท/ปี 2) ปริมาณขายไฟฟ้า – ไอน้ำสูงขึ้นหลังลูกค้าอุตสาหกรรมปิดซ่อมบำรุงน้อยลง 3) ต้นทุนเชื้อเพลิงทั้งถ่านหิน – ก๊าซธรรมชาติต่ำลงตามสถานการณ์อุปทานขาดแคลนพลังงานคลี่คลาย และโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติที่มี Lag-time ผ่านระดับสูงสุดในเดือนต.ค. มาแล้ว
  • คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ที่ 5.7 พันล้านบาท เติบโตสูง +538% YoY จากฐานต่ำ
  • เรามองว่าผลประกอบการ 4Q65 และปี 2565 ที่ออกมาน่าผิดหวัง เป็นสิ่งที่ตลาดรับรู้ไปแล้ว โดยราคาหุ้น -8% ภายใน 2 สัปดาห์ตั้งแต่เราและตลาดเริ่มคาดการณ์ว่างบ 4Q65 จะอ่อนแอ ราคาปัจจุบันมี Upside gain เปิดกว้าง 19.7% ขณะที่เรายังเชื่อมั่นต่อทิศทางการฟื้นตัวในปี 2566 และจะเห็นการเติบโตแบบ Turnaround เป็นกำไรได้ตั้งแต่ 1Q66
  • หุ้นยังมี Catalyst บวกที่รออยู่จากการเข้าประมูลโรงไฟฟ้าหมุนเวียนในประเทศ ซึ่งคาดว่าจะรู้ผลอย่างเป็นทางการภายในเดือนมี.ค. กรณีได้รับการคัดเลือกจะเป็น Upside ต่อประมาณการ และเป็นปัจจัยผลักดันราคาหุ้นระยะสั้น
  • จากเหตุผลข้างต้นจึงปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 82.00 บาท มองว่าหากหุ้นปรับตัวลงจากการรายงานผลประกอบการจะเป็นโอกาสทยอยเข้าสะสม
- Advertisement -