บล.เอเซีย พลัส:

JMT ธุรกิจยังเติบโตในระยะยาว

แนะนำ ซื้อ ราคาปัจจุบัน (บาท) 49.50, ราคาเป้าหมาย (บาท) 65.00,

Upside (%) 31.3, Dividend yield (%) 2.6

กำไรสุทธิงวด 4Q65 เท่ากับ 490 ล้านบาท ขึ้นทำ New high รายไตรมาส (ต่ำกว่าที่ฝ่ายวิจัยและตลาดคาดราว 15%) เพิ่มขึ้น 8% qoq และ 3% yoy ผลบวกจากส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม JK AMC เพิ่มขึ้น และการโอนกลับผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ซึ่งมีน้ำหนักมากกว่าประสิทธิภาพการทำกำไรที่ลดลง จากการจ้างพนักงานและค่าใช้จ่ายด้าน IT เพิ่มขึ้น รองรับการขยายธุรกิจในระยะยาว ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2566-67 ลง 15% และ 20% จากเดิม สะท้อนผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อ กดดันธุรกิจบริหารหนี้ ภายหลังปรับประมาณการ คาดกำไรสุทธิปี 2566-67 จะเพิ่มขึ้น 23% yoy และ 19% yoy ทำ New high ต่อเนื่อง จากรายได้ธุรกิจบริหารหนี้เติบโต กำหนด Fair value ปี 2566 ใหม่เท่ากับ 65 บาท ราคาหุ้น JMT ปรับฐานไปกว่า 28% YTD สะท้อนความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ และเศรษฐกิจชะลอตัวไปมากแล้ว แนะนําลงทุนระยะกลางถึงยาว

กําไรสุทธิ 4Q65 เติบโต…จากการรับรู้กำไรจากบ.ร่วม มากขึ้น

กำไรสุทธิงวด 4Q65 เท่ากับ 490 ล้านบาท ขึ้นทำ New high รายไตรมาส (ต่ำกว่าที่ฝ่ายวิจัยและตลาดคาดราว 15%) เพิ่มขึ้น 7.5% qoq และ 2.7% yoy มีปัจจัยสนับสนุนจาก

1) ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม JK AMC งวด 4Q65 ปรับเพิ่มขึ้นถึง 77.1% qoq มาที่ 63 ล้านบาท จากการทยอยจัดเก็บหนี้ได้มากขึ้น

2) รายได้รวมงวด 4Q65 ปรับเพิ่มขึ้น 3.8% qoq และ 8.7% yoy มาที่ 1.1 พันล้านบาท จากรายได้ธุรกิจบริการติดตามหนี้และประกันภัยเติบโต ขณะที่รายได้จากธุรกิจ บริหารหนี้งวด 4Q65 อ่อนตัวลงเล็กน้อย 0.2% qoq (แต่เพิ่มขึ้น 2.6% yoy) จากการจัดเก็บเงินสดงวด 4Q65 ได้ลดลง 5.6% qoq และ 2.4% yoy มาที่ 1.3 พันล้านบาท ผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อ ส่งผลกระทบให้ลูกหนี้บางกลุ่มชะลอการจ่ายหนี้ไปบ้าง

และ 3) การโอนกลับผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น 59 ล้านบาท ในงวด 4Q65 พลิกจากที่บันทึกผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น 93 ล้านบาท ในงวด 3Q65 จากการจัดเก็บเงินสดทั้งปี 2565 ได้ดีกว่าที่ JMT ประมาณการไว้

ซึ่งมีน้ำหนักมากกว่า 1) Gross margin งวด 4Q65 ปรับลดลงมาที่ 64.9% จาก 69.5% ในงวด 3Q65 จากการจ้างพนักงานเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับขยายธุรกิจ และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายและการดำเนินคดีเพิ่มขึ้นในงวด 4Q65 ราว 31 ล้านบาท

และ 2) สัดส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/Sales งวด 4Q65 ปรับเพิ่มขึ้นมาที่ 21.2% จาก 15.9% ในงวด 3Q65 จากค่าใช้จ่ายด้าน IT และค่าเช่าสำนักงานเพิ่มขึ้น รองรับการการขยายธุรกิจในระยะยาว

โดยรวมแล้ว กำไรสุทธิงวด 2565 เท่ากับ 1.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.7% yoy

ลดประมาณการ…เงินเฟ้อ กระทบธุรกิจบริหารหนี้

ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2566-67 ลง 15.3% และ 20.1% จากเดิม สะท้อนผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อและการเพิ่มทุนบริษัทย่อย JAM จำนวน 9.9% ของทุนชำระแล้ว ให้บจ. กสิกร อินเวสเจอร์ (บ. ย่อยของ KBANK) มูลค่า 3.5 พันล้านบาท ทำให้ JMT จะรับรู้กำไรจาก JAM ลดลงบ้าง จากการถือหุ้นใน JAM ลดลงเหลือ 90.01% (เดิม JMT ถือหุ้น JAM 99.99%)

โดยปรับสมมติฐานหลักๆ ดังนี้ 1) ปรับลดสมมติฐานรายได้รวมปี 2566-67 ลง 5.8% และ 9.9% จากเดิมมาที่ 5.2 พันล้านบาท และ 6.1 พันล้านบาท ตามลำดับ ผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อ กดดันให้แนวโน้มการจัดเก็บเงินสดปี 2566-67 จะปรับลดลง 11.3% และ 14.8% จากเดิมมาที่ 6.8 พันล้านบาท และ 8.2 พันล้านบาท

2) ปรับลดสมมติฐาน Gross margin ปี 2566-67 ลงมาที่ 70.7% และ 70.8% ตามลำดับ

3) ปรับเพิ่มสมมติฐานสัดส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/Sales ปี 2566-67 ขึ้นมาที่ 17.5% และ 17.0% ตามลำดับ

ทั้งนี้ ภายหลังปรับประมาณการ คาดกำไรสุทธิปี 2566-67 จะเพิ่มขึ้น 22.9% yoy และ 19.1% yoy ทำ New high ต่อเนื่อง จากรายได้ธุรกิจบริหารหนี้เติบโต สอดคล้องกับพอร์ตลูกหนี้ และการตัดมูลค่าเงินลงทุนในลูกหนี้ด้อยคุณภาพที่หมดลงต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังได้ผลบวกจากแนวโน้มส่วนแบ่งกำไรจาก JK AMC ที่จะเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรตั้งแต่ 3Q65 โดยในเบื้องต้นคาดกำไรสุทธิงวด 1Q66 จะปรับลดลง QoQ ตามฤดูกาล (แต่เติบโต YoY)

FV ปี 2566 เท่ากับ 65 บาท…แนะนำชื้อ

กำหนด Fair value ปี 2566 ใหม่เท่ากับ 65 บาท (เดิม 80 บาท) อิง Adj. PBV 3.3 เท่า (เดิม 4.6 เท่า) ตามวิธี GGM ภายใต้คาดการณ์ ROE เฉลี่ยระยะยาว 12.5% (เดิม 14%) ราคาหุ้น JMT ปรับฐานไปกว่า 28% นับตั้งแต่ต้นปี 2566 สะท้อนความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อและเศรษฐกิจชะลอตัวไปมากแล้ว นอกจากนี้ JMT ยังประกาศจ่ายปันผลสำหรับงวด 2H65 เท่ากับ 0.59 บาท คิดเป็น Div yields สำหรับงวด 2H65 ที่ 1.2% ขึ้น XD วันที่ 11 เม.ย. 66 และจ่ายปันผลวันที่ 2 พ.ค. 66 แนะนำลงทุนระยะกลางถึงยาว

ประเด็นความเสี่ยง

  1. เศรษฐกิจชะลอตัวอาจส่งผลกระทบต่อการรับจ้างจัดเก็บหนี้และการจัดเก็บกระแสเงินสดของบริษัทได้
  2. กฎหมายและข้อบังคับจากภาครัฐ

    ที่มา: สายงานวิจัย บล. เอเซีย พลัส

- Advertisement -