วันนี้ (14 กุมภาพันธ์ 2566) การประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่มี นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน ได้เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ราคานํ้ามันดีเซลตลาดโลกที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลง ในช่วงที่ผ่านมา และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ขยายเวลามาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ที่ 1.34 บาทต่อลิตร ออกไปอีกจนถึงวันที่ 20 พฤษภาคม 2566 ประกอบกับกองทุน น้ำมันเชื้อเพลิง ในส่วนบัญชีน้ำมันมีรายรับประมาณ 516 ล้านบาทต่อวัน (หรือ 14,455 ล้านบาทต่อเดือน) ทําให้กองทุนน้ำมันฯ ในส่วนบัญชีน้ำมันมีฐานะติดลบน้อยลง ที่ประชุม กบง. จึงมีมติเห็นชอบค่าการตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงที่ เหมาะสม โดยปรับค่าการตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงกลับสู่สภาวะปกติตามปี 2563 ทั้งกลุ่มน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว และกลุ่มน้ำมันเบนซินและน้ำมันแก๊สโซฮอล เฉลี่ยอยู่ที่ 2.00 บาทต่อลิตร ซึ่งจะส่งผลให้กองทุนน้ำมันมีรายรับในส่วนของนํ้ามันดีเซลลดลงเป็นประมาณ 37.23 ล้านบาทต่อวัน (หรือประมาณ 1,117 ล้านบาทต่อเดือน) ทั้งนี้จะทําให้ราคาขายปลีกกลุ่มน้ำมันเบนซินปรับลดลงประมาณ 0.90 – 1.20 บาทต่อลิตร โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป
โดยที่ประชุม กบง. ได้มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ ประสานสํานักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงนำเสนอคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในการบริหารจัดการอัตราเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อให้ค่าการตลาดของน้ำมันเชื้อเพลิงกลุ่มน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว และกลุ่มน้ำมันเบนซินและน้ำมันแก๊สโซฮอลเป็นไปตามมติของ กบง.