บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Action BUY (Maintain)
TP upside (downside) +16.8%
Close Feb 13, 2023 Price 50.50
12M Target 59.00
PTT GLOBAL CHEMICALS (PTTGC) ขาดทุนสุทธิ แต่ไม่น่า Surprise
Earnings Results
- ประกาศงบ 4Q65 ขาดทุนสุทธิที่ 968 ล้านบาท สอดคล้องกับมุมมองของเรา และ Bloomberg Consensus ที่ประเมินว่าจะขาดทุน 1.1 – 1.2 พันล้านบาท โดย 4Q65 ขาดทุนลดลงจาก 1.3 หมื่นล้านบาทใน 3Q65 เพราะค่าใช้จ่ายพิเศษต่างๆ เช่น สต็อกน้ำมัน, FX, Hedging ลดลง อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการยังอยู่ในระดับต่ำ อ่อนแอลง YoY
- หากหักรายการพิเศษ ได้แก่ ขาดทุนสต็อกน้ำมัน 3.5 พันล้านบาท, กำไร Hedging 356 ล้านบาท, กำไร FX 4.0 พันล้านบาท, กำไรจากการวัดมูลค่ายุติธรรมของบริษัทเออีซี วีนิไทย และ บริษัท ไทยแท้งค์ เทอมินอล 1.8 พันล้านบาท (Reclassification เพราะสัดส่วนการถือหุ้นเปลี่ยนแปลง) และค่าตัดจำหน่ายมูลค่าสินค้าคงเหลือของ Alinex 1.8 พันล้านบาท ผลการดำเนินงานปกติจะขาดทุน 1.8 พันล้านบาท อ่อนแอลง QoQ และ YoY
- เมื่อเทียบกับ 3Q65 Adjusted EBITDA ปรับลงทุกธุรกิจโดย 1) ปิโตรเคมีต้นน้ำ แม้ว่าอัตรากำไรของอะโรมาติกส์จะเพิ่มขึ้นเป็น US$96/ตัน (+22%) จากผลิตภัณฑ์ By-product ที่ดีขึ้น และค่าการกลั่นทรงตัวที่ US$9.7/bbl แต่ผลการดำเนินงานปรับตัวลงเพราะเป็นช่วงปิดซ่อมบำรุงใหญ่ 46 วัน ทำให้ปริมาณผลิตปิโตรเลียม -49% 2) ปิโตรเคมีขั้นกลาง และโพลิเมอร์อ่อนแอลงอย่างมาก กดดันจากราคาผลิตภัณฑ์ที่ได้รับผลกระทบจากอุปสงค์ซบเซา (มาตรการควบคุมของจีน, กังวลเศรษฐกิจโลก, นโยบาย Lean Inventory), กำลังผลิตใหม่เข้าสู่ตลาด, การปิดซ่อมบำรุงโรงงานฟีนอล 3) ปิโตรเคมีชนิดพิเศษปรับตัวลงสาเหตุหลักจากปริมาณขายของ Alinex ได้รับผลกระทบจากความกังวลเศรษฐกิจ และปัจจัยฤดูกาลช่วงวันหยุดยาวปีใหม่
Our Take
- เรามองว่าผลประกอบการ 4Q65 และปี 2565 ที่พลิกเป็นขาดทุน เป็นสิ่งตลาดรับรู้ไปแล้ว และเชื่อว่าผลประกอบการของ PTTGC ได้ผ่านจุดที่แย่สุดมาแล้ว เนื่องจากปัจจัยลบที่เกิดขึ้นในปี 2565 จะคลี่คลายในปี 2566 ได้แก่ 1) ขาดทุน Hedging จำนวนมาก 2.4 หมื่นล้านบาทไม่เกิดขึ้นซ้ำ เพราะทิศทางราคาพลังงานที่ผันผวนน้อยลง และนโยบายทำ Hedging ระมัดระวังมากขึ้น (สถานะปัจจุบันเหลือไม่ถึง 10%) 2) อัตราการผลิตดีขึ้นเพราะแผนปิดซ่อมบำรุงใหญ่น้อยลง 3) อัตรากำไรของโอเลฟินส์จะเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มสัดส่วนการใช้วัตถุดิบก๊าซ (Margin ที่ดีกว่า Naphtha) สอดคล้องแผนเพิ่มการผลิตก๊าซในแหล่งก๊าซเอราวัณของ PTTEP (ปี 2565 ผลิตก๊าซ 200-300 mmscfd แต่กลางปี 2566 จะเพิ่มเป็น 400 mmscfd, 600 mmscid ช่วง ปลายปี 800 mmscfd ภายใน 1H67)
- แม้ตลาดปิโตรเคมีปี 2566 ยังอยู่ในภาวะอุปทานส่วนเกินจากการขยายกำลังผลิตในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม คาดอุปทานใหม่ของ HDPE (ผลิตภัณฑ์หลัก) จะชะลอลงในปี 2566 รวมทั้งการเปิดประเทศของจีน และพัฒนาการเชิงบวกของเศรษฐกิจโลกจะช่วยกระตุ้นการเติบโตของอุปสงค์เข้ามาดูดซับอุปทานในตลาดได้ส่งผลให้คาดว่า Spread ปิโตรเคมีจะทยอยฟื้นตัว
- คงประมาณการกำไรปี 2566 ที่ 1.8 หมื่นล้านบาท (พลิกจากขาดทุน YoY) คาดจะเห็นการเติบโตที่ชัดเจนช่วง 2H66 ขณะที่ 1Q66 จะเห็นการทยอยฟื้นตัวจากอัตราการกลั่นกลับมาเป็นปกติ, Crack Margin สูงขึ้น สวนทาง Crude Premium ลดลง, 1QTD Spread อะโรมาติกส์ – ราคา Polymer ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากจีนเปิดประเทศ, ปริมาณขายของ Alinex ฟื้นตัวตามฤดูกาล ขาดทุนสต๊อกน้ำมันลดลง
- แม้หุ้นปรับตัวขึ้น +22% ตั้งแต่ต้นไตรมาส 4 อย่างไรก็ตาม ราคาปัจจุบันซื้อขายบน PBV ที่ 0.75 เท่า ใกล้เคียงค่าเฉลี่ย -1.5 SD ถือว่าไม่แพง คงคำแนะนำซื้อลงทุนระยะกลาง – ยาว
- บริษัทฯ ประกาศเงินปันผลงวด 2H65 ที่ 0.25 บาท/หุ้น (คิดเป็น Yield 0.5%) ขึ้น XD วันที่ 27 ก.พ. และจ่ายเงินวันที่ 26 เม.ย.