บล.เอเซีย พลัส:

MCS แนะนํา ซื้อ

ราคาปัจจุบัน (บาท) 9.85, ราคาเป้าหมาย (บาท) 12.20, Upside (%) 23.86, Dividend yield (%) 8.12

ขาดทุนน้อยลงและแนวโน้มดูดีขึ้นมาก

ประเมินงวด 4Q65 ขาดทุน 28 ล้านบาท เป็นผลมาจากปริมาณส่งมอบที่ยังทำได้อยู่ในระดับต่ำ และถูกกดดันจากราคาเหล็กชุดเก่าที่มีต้นทุนสูง ซ้ำเติมด้วยค่าขนส่งที่ปรับเพิ่มขึ้นมาก ฝ่ายวิจัยประเมินว่า stock เหล็กชุดเก่าและค่าขนส่งที่ปรับเพิ่ม จะยังกดดันกำไรปี 2566 อยู่บ้าง แต่ด้วยแผนการผลิตและส่งมอบปี 2566 ที่จะทำได้ดีกว่าปี 2565 จะยังช่วยหนุนให้ปี 2566 พลิกกลับมามีกำไร

ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 จาก 724 ล้านบาท ลงเหลือ 484 ล้านบาท สะท้อนปัจจัยด้าน stock เหล็กชุดเก่าต้นทุนสูง และค่าขนส่งที่ปรับเพิ่ม แต่ยังเชื่อมั่นว่าปี 2566 – 67 จะพลิกกลับมามีกำไรได้คล้ายกับช่วง 2557 – 59 ประเมิน FV ปี 2566 อิง PER เฉลี่ยช่วงปี 2557 – 59 ที่ 12 เท่า ได้ราคาเหมาะสม 12.20 บาท มี upside 23.86% แนะนำซื้อ

คาด 4Q65 ขาดทุน 28 ล้านบาท ขาดทุนลดลงจาก 3Q65

ฝ่ายวิจัยประเมินผลประกอบการ 4Q65 ขาดทุนสุทธิ 28 ล้านบาท โดยประเมินรายได้ที่ 972 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากปริมาณส่งมอบ 17,000 ตัน โดยแบ่งเป็นโรงงาน MCS อยุธยา 4,150 ตัน โรงงาน Xiamen 12,300 ตัน และ MCS Japan 500 ตัน สาเหตุที่โรงงาน MCS อยุธยายังส่งมอบได้น้อยเป็นผลจากความล่าช้าของโครงการ Shinagawa ที่ขุดพบโบราณวัตถุ ต้องมีการออกแบบใหม่ และใช้เวลานานกว่าที่ประเมินไว้มาก โรงงาน MCS ที่ อยุธยา มีปริมาณการผลิตโครงสร้างเหล็กราว 4.5 – 5 พัน/เดือน แต่ไม่สามารถส่งออกไปญี่ปุ่นได้ เนื่องจากลูกค้ายังไม่พร้อมรับสินค้าเพื่อติดตั้ง นอกจากนี้ ผลประกอบการถูกกดดันจากราคาเหล็กชุดเก่าที่มีต้นทุนสูงซึ่งกดดันให้ gross margin ให้เหลือเพียง 12% เท่านั้น ซ้ำเติมด้วย SG&A ที่มาจากค่าขนส่งที่ปรับเพิ่มขึ้นมาก โดยงวด 4Q65 MCS มีค่าขนส่งทางเรือสูงถึง 800,000 USD/ลำ ประกอบกับเป็นช่วงที่เงินบาทอ่อนค่าที่ระดับ 37 – 38 บาท/ USD เทียบกับในอดีตที่มีขนส่งทางเรือเพียง 300,000 – 400,000 USD/ลำ ที่อัตราแลกเปลี่ยน 32 – 33 บาท/USD เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการ 4Q65 ถือว่ามีแนวโน้มดีขึ้นเนื่องจาก 2Q65 และ 3Q65 ขาดทุนมากถึง 69 และ 68 ล้านบาท ตามลำดับ

เชื่อมั่นปี 2566 จะพลิกกลับมาได้ แม้จะมีปัจจัยกดดันอยู่บ้าง

ฝ่ายวิจัยประเมินว่า MCS ยังเหลือ stock เหล็กชุดเก่าต้นทุนสูงที่ซื้อเข้ามาในช่วง 2H64 – 1H65 แต่ด้วยแผนการผลิตและส่งมอบปี 2566 ที่จะทำได้ราบรื่นกว่าปี 2565 จะส่งผลให้ stock เก่าต้นทุนสูงหมดไป และ stock ชุดใหม่ที่ต้นทุนต่ำลงจะเข้ามาแทนที่ ด้านค่าขนส่งทางเรือยังคงสูงอยู่แต่มีแนวโน้มลดลงพอสมควร โดยปัจจุบันค่าขนส่งอยู่ที่ราวๆ 650,000 – 700,000 USD/ลำ ที่อัตราแลกเปลี่ยน 32 – 33 บาท/USD เท่านั้น ฝ่ายวิจัยคาดหวังจะเห็นการ turnaround อย่างชัดเจนตั้งแต่ 1Q66 เป็นต้นไปจ ากการส่งมอบงานที่จะมีปริมาณมากขึ้น โดยคาดว่าปี 2566 MCS จะมีการส่งมอบงานจากโรงงานอยุธยาไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นตัน เทียบกับปี 2565 ที่มีการส่งมอบงานจากโรงงาน MCS อยุธยาเพียง 2 หมื่นตัน ขณะที่ด้าน Backlog ยังมีปริมาณมาก โดยช่วง ม.ค. ที่ผ่านมามีการแจ้งข่าวตลาดฯ รับงานเกือบ 4 หมื่นตัน ส่งผลให้ backlog ของ MCS ให้มีปริมาณรวมกันมากกว่า 2.2 แสนตัน และคาดว่า MCS จะยังเดินหน้าคว้างานต่อเนื่อง โดย ดร. ไนยวน ชิ มีกำหนดการเดินทางไปญี่ปุ่นช่วง มี.ค. เพื่อคว้างานโครงสร้างเหล็กตึกสูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่นน้ำหนัก 3 หมื่นตัน รองรับรายได้ยาวไปถึงปี 2569

ปรับประมาณการกำไรปี 2566 ลง สะท้อนความเสี่ยง….แต่ยังคงคำแนะนำซื้อ

ด้วยเหตุที่ MCS ยังคงมี stock เหล็กชุดเก่าต้นทุนสูงอยู่ ประกอบกับค่าขนส่งที่ยังอยู่ในระดับสูง ฝ่ายวิจัยจึงทบทวนสมมติฐานประมาณการปี 2566 ใหม่ โดยกำหนดให้ gross margin ปี 2566 อยู่ที่ 32% จากเดิมที่ 35% และกำหนด SG&A/Sales อยู่ที่ 21% เพิ่มขึ้น จาก 17.5% จากการปรับสมมติฐานข้างต้นจะส่งผลให้ประมาณการกำไรสุทธิ 2566 ลดลงจากเดิม 33% มาอยู่ที่ 486 ล้านบาท ในขณะที่ยังคงประมาณการกำไรสุทธิ 2567 ไว้ที่ 930 ล้านบาทเท่าเดิม เนื่องจากปัจจัยลบต่างๆ จะหมดไปและปริมาณส่งมอบสูงกว่าปี 2566 เล็กน้อย

หากย้อนไปดูผลประกอบการ MCS ในอดีตพบว่ามีช่วงที่มีผลประกอบการต่ำเป็นครั้งคราว แต่ MCS ก็สามารถ turnaround ได้มาตลอด ตัวอย่างเช่น ปี 2557 MCS มีกำไรสุทธิเพียง 86 ล้านบาท แต่ปี 2558 – 2559 พลิกฟื้นได้เป็นอย่างมาก โดยมีกำไรสุทธิ 618 และ 1,229 ล้านบาท ตามลำดับ ฝ่ายวิจัยประเมินว่า pattern ของกำไรปี 2565 – 2567 จะมีลักษณะเดียวกันกับปี 2557 – 2559 ประเมิน Fair Value ปี 2566 โดยใช้ Historical PER 12 เท่า ได้ราคาเหมาะสม 12.20 บาท มี upside 23.86% แนะนำซื้อ

การดำเนินการด้าน ESG ของ MCS

ด้านวิ่งแวดล้อม: บริษัทได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 14001 : 2015 และได้มีการ Upgraded OHASA 18001 : 2007 เป็น ISO 45001 : 2018 ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่าระบบการผลิตของบริษัทไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม

ด้านสังคม: บริษัทได้ให้ความสำคัญและคำนึงถึงการเคารพสิทธิมนุษยชน เช่น ไม่ละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน ด้านเชื้อชาติ ศาสนา เพศ อายุ ความพิการ และคำนึงสิทธิมนุษยชนของพนักงานทุกเชื้อชาติ รวมถึงพนักงานที่มีความพิการ โดยให้สวัสดิการที่เท่าเทียมกัน

ด้านธรรมาภิบาล: บริษัทมีนโยบายและแนวปฏิบัติที่สอดคล้องกับกฎหมาย ระเบียบและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจ

ประเด็นความเสี่ยง

1. เนื่องจาก MCS มีฐานลูกค้ากระจุกตัวอยู่ในญี่ปุ่นเกือบทั้งหมด จึงทำให้มีความเสี่ยงหากเศรษฐกิจของญี่ปุ่นชะลอตัว

2. รายได้เกือบทั้งหมดของ MCS อยู่ในสกุลเงินเยน ดังนั้นการแข็งค่าของเงินบาท จะส่งผลต่อรายได้ของ MCS เมื่อแปลงเป็นเงินบาท โดยการประเมิน Sensitivity Analysis พบว่า การแข็งค่าของเงินบาททุก 1 บาท/100 เยน จะทำให้กำไรสุทธิปี 2565 ลดลง 4% จากประมาณการปัจจุบัน

- Advertisement -