บล.เอเซีย พลัส:
SGC แนะนํา ซื้อ
ราคาปัจจุบัน (บาท) 4.40, ราคาเป้าหมาย (บาท) 5.60, Upside (%) 27.3, Dividend yield (%) 2.9
ภาพรวม NPL /สินเชื่อจะดีขึ้นใน 2H66
ภาพรวมการประชุมนักวิเคราะห์เป็นไปในโทนลบเล็กน้อย จากแนวโน้ม NPL /สินเชื่อสุทธิจะยังเป็นขาขึ้นในงวด 1H66 (แต่จะเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลง) โดย SGC ตั้งเป้าจะควบคุม NPL/สินเชื่อสุทธิปี 2566 ไม่ให้เกิน 5% โดยประเมินว่าแนวโน้ม NPL/ สินเชื่อสุทธิจะทำจุดสูงสุดของปีในงวด 2Q-3Q66 และจะทยอยปรับลดลงในงวด 4Q66 ทั้งนี้ SGC ยังตั้งเป้าสินเชื่อสุทธิ ณ สิ้นปี 2566 จะเติบโตถึง 34% yoy จากการเน้นปล่อยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถบรรทุกมากขึ้น
ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2566-67 ลง 8% และ 13% ผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อ ภายหลังปรับประมาณการ คาดกำไรสุทธิปี 2566 ยังเพิ่มขึ้นถึง 27% yoy จากแนวโน้มสินเชื่อสุทธิปี 2566 จะเติบโต 33% yoy จากการเร่งปล่อยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถบรรทุกมากขึ้น กำหนด FV ปี 2566 ใหม่เท่ากับ 5.60 บาท ราคาหุ้นปรับฐานไปกว่า 7.5% วานนี้ สะท้อนความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจชะลอตัวและภาวะเงินเฟ้อไปมากแล้ว แนะนำลงทุนระยะกลางถึงยาว
แม้ทิศทาง NPL/สินเชื่อ จะเพิ่มขึ้นใน 1H66….แต่จะทยอยลดลงใน 2H66
ภาพรวมการประชุมนักวิเคราะห์เป็นไปในโทนลบเล็กน้อย จากแนวโน้ม NPL/สินเชื่อสุทธิจะยังเป็นขาขึ้นในงวด 1H66 (แต่จะเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับงวด 4Q65) จากแนวโน้มความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ที่ยังไม่ดีขึ้น ยังทรงตัวใกล้เคียงวด 4Q65 โดยเฉพาะลูกหนี้ในกลุ่มเช่าซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า โดย SGC ตั้งเป้าจะควบคุม NPL/ สินเชื่อสุทธิปี 2566 ไม่ให้เกิน 5% (จาก ณ สิ้นปี 2565 ที่ 4.6%) และประเมินว่าแนวโน้ม NPL/สินเชื่อสุทธิ จะทำจุดสูงสุดของปีในงวด 2Q-3Q66 และจะทยอยปรับลดลงในงวด 4Q66 ทำให้ฝ่ายวิจัยประเมินว่าแนวโน้ม Credit cost ปี 2566 จะยืนสูงต่อเนื่องจากปี 2565
ทั้งนี้ SGC ยังตั้งเป้าสินเชื่อสุทธิ ณ สิ้นปี 2566 จะเติบโตถึง 34% yoy สู่ระดับ 2.0 หมื่นล้านบาท (สอดคล้องกับที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้) จากการเน้นปล่อยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถบรรทุกมากขึ้น (รถทำเงิน) หลังจากได้เงินระดมทุนจาก IPO แล้ว ขณะที่แนวโน้มสินเชื่อกลุ่มเช่าซื้อจะเติบโตต่อเนื่องเช่นกัน (แต่เติบโตต่ำกว่าสินเชื่อจำนำทะเบียน) จากแนวโน้มยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องจักรของ SINGER เติบโตราว 10% yoy
ลดประมาณการ…ปรับเพิ่มสมมติฐาน CREDIT COST
ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2566-67 ลง 7.8% และ 13.0% ผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อ โดยปรับเพิ่มสมมติฐาน Credit cost ปี 2566-67 ขึ้นมาที่ 3.3% และ 3.0% ตามลำดับ และปรับเพิ่มสมมติฐาน Yields เฉลี่ยปี 2566-67 ขึ้นมาที่ 17.7% และ 16.9% เนื่องจากประเมินไว้ต่ำเกินไป และเพื่อให้สอดคล้องกับ Yields เฉลี่ยปี 2565
ทั้งนี้ ภายหลังปรับประมาณการ คาดกำไรสุทธิปี 2566 ยังเพิ่มขึ้นถึง 27.1% yoy จากแนวโน้มสินเชื่อสุทธิปี 2566 จะเติบโต 33.1% yoy จากการเร่งปล่อยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถบรรทุกมากขึ้น นอกจากนี้ ยังได้ผลบวกจากแนวโน้มค่าใช้จ่ายทางการเงินลดลงหลังจากได้เงินระดมทุนจาก IPO
ทั้งนี้ ในเบื้องต้นคาดกำไรสุทธิงวด 1Q66 จะอ่อนตัวลง QoQ (แต่เติบโต YoY) จากแนวโน้ม Credit cost งวด 1Q66 ที่จะปรับเพิ่มขึ้น ผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งมีน้ำหนักมากกว่าแนวโน้มสินเชื่อเติบโตต่อเนื่อง หลังจากได้เงินจากการระดมทุนจาก IPO
แนะนำลงทุนระยะกลางถึงยาว
กำหนด FV ปี 2566 ใหม่เท่ากับ 5.60 บาท (เดิม 6.20 บาท) อิง PBV 2.8 เท่า (เดิม 3.1 เท่า) ตามวิธี Gordon Growth Model ที่ ROE เฉลี่ยระยะยาว 17% (เดิม 18%) โดย SGC ประกาศจ่ายปันผลสำหรับปี 2565 เท่ากับ 0.11 บาท คิดเป็น Div yield 2.5% ขึ้น XD วันที่ 27 เม.ย. 66 และจ่ายปันผลวันที่ 18 พ.ค. 66 ราคาหุ้นปรับฐานไปกว่า 7.5% วานนี้ สะท้อนความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจชะลอตัวและภาวะเงินเฟ้อไปมากแล้ว แนะนำลงทุน ระยะกลางถึงยาว
ประเด็นความเสี่ยง
1. สินเชื่อสุทธิเติบโตต่ำกว่าคาดจะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มรายได้และกำไรสุทธิของ SGC
2. คุณภาพสินทรัพย์และแนวโน้มการเกิด NPL ใหม่ๆ
3. อัตราดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น
4. กฎหมายและข้อบังคับจากภาครัฐ