บล.บัวหลวง: 

PTT Oil and Retail Business (OR TB / OR.BK)

OR – ไตรมาสที่แย่ที่สุดผ่านไปแล้ว; คาดฟื้นตัวแข็งแกร่งในไตรมาส 1/66

ขาดทุนต่ำกว่าเราคาด แต่มากกว่าตลาดคาด

OR รายงานขาดทุนสุทธิไตรมาส 4/65 ที่ 744 ล้านบาท พลิกกลับจากรายงานกําไรสุทธิในไตรมาส 4/64 และ ไตรมาส 3/65 ซึ่งขาดทุนต่ำกว่าที่เราคาด เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่ำกว่าคาด (แต่มากกว่าตลาดคาด) OR ประกาศจ่ายเงินปันผลสําหรับครึ่งหลังของปี 2565 ที่ 0.15 บาทต่อหุ้น ซึ่งคิดเป็นอัตราตอบแทนจากเงินปันผลขั้นต้นที่ 0.7% (จะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 28 ก.พ. และจ่ายปันผลในวันที่ 28 เม.ย.)

ประเด็นสําคัญจากผลประกอบการ

ปัจจัยหลักที่ส่งผลให้กําไรปรับตัวลดลง ได้แก่ 1) กำไรจากธุรกิจ Mobility ที่ลดลง (YoY และ QoQ), 2) กำไรจากธุรกิจต่างประเทศที่ลดลง (QoQ), และ 3) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้น โดยอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 4.2% ในไตรมาส 4/65 จาก 3.7% ในไตรมาส 3/65 สำหรับธุรกิจ Mobility ปริมาณขายนํ้ามันของ OR ในไตรมาส 4/65 อยู่ที่ 6,979 ล้านลิตร เติบโต 8% YoY และ 11% QoQ (อุปสงค์ที่ปรับตัวดีขึ้นทั้งในประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ในอาเซียน) กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 0.48 บาท/ลิตร ลดลง 51% YoY และ 29% QoQ (ต้นทุนที่สูงขึ้นเนื่องจากการนำเข้าน้ำมันที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากอุปสงค์ในประเทศที่แข็งแกร่ง และการปิดซ่อมบำารุงของโรงกลั่นในประเทศในไตรมาสนี้)

สําหรับธุรกิจ Lifestyle (non-oil) คาเฟ่อเมซอนมีปริมาณขายอยู่ที่ 90 ล้านแก้ว เติบโต 3% YoY แต่ลดลง 3% QoQ (ปริมาณขายในไตรมาส 3/65 สูงกว่าปกติเนื่องจากการจัดโปรโมชั่น) ในขณะที่ EBITDA margin ของธุรกิจ non-oil อยู่ที่ 21.4% ลดลงจาก 23.7% ในไตรมาส 4/64 และ 22.9% ในไตรมาส 3/65 (ค่าใช้จ่ายด้านโฆษณา, ประชาสัมพันธ์, และค่าใช้จ่าย outsource ที่เพิ่มขึ้น) สำหรับธุรกิจต่างประเทศ ปริมาณขายน้ำมันอยู่ที่ 363 ล้านลิตร เติบโต 6% YoY แต่ลดลง 3% QoQ ขณะที่คาเฟ่อเมซอนมีปริมาณขาย 6.4 ล้านแก้ว เติบโต 39% YoY และ 2% QoQ โดยมี EBITDA margin อยู่ที่ 2.1% เพิ่มขึ้นจาก 1.8% ในไตรมาส 3/64 (กำไรขั้นต้นจาก ธุรกิจน้ำมันที่เพิ่มขึ้น) (ทรงตัว QoQ)

แนวโน้ม

กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นในประเทศไทยและอาเซียนจะหนุนปริมาณขายของธุรกิจน้ำมันและธุรกิจ non-oil ให้เพิ่มขึ้น YoY และ QoQ ในไตรมาส 1/66 จากมุมมองด้านอัตรากำไร กำไรขั้นต้นจากธุรกิจน้ำมันมีแนวโน้มอ่อนตัว YoY แต่เพิ่มขึ้น QoQ ในขณะที่อัตรากำไรของธุรกิจ lifestyle มีแนวโน้มปรับตัวลดลง YoY (ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่สูงขึ้น) แต่เพิ่มขึ้น QoQ (ปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น, ต้นทุนการดำเนินงานที่ลดลง) นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจะลดลง QoQ (โดยปกติค่าใช้จ่ายในการขาย และบริหารจะสูงตามฤดูกาลในไตรมาสที่สี่) จากแนวโน้มดังกล่าว เราคาดว่ากําไรไตรมาส 1/66 ของ OR จะลดลง YoY แต่เพิ่มขึ้น QoQ

สิ่งที่เปลี่ยนแปลง

เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ของเราที่ 14,322 ล้านบาทไว้ดังเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

คำแนะนำ

ไตรมาสที่แย่ที่สุดของ OR ในปี 2565 ได้ผ่านไปแล้ว คาดการณ์ผลการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 1/66 และการเติบโตของกำไรในปี 2566 หนุนโดยอุปสงค์ในวงกว้างที่ปรับตัวดีขึ้น และการขยายตัวจากทั้งธุรกิจน้ำมันและธุรกิจ non-oil น่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นได้ต่อไป นอกจากนี้ยังมีอัพไซต์ต่อประมาณการกำไรของเราจากการลงทุนใหม่ๆ เราจึงยังคงคำแนะนำ ซื้อ

- Advertisement -