Our View? “ความผิดหวัง”
คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1,644 / 1,635 และแนวต้านที่บริเวณ 1,660 / 1,665 เรามองตลาดยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้าสนับสนุน โดยยังคงอยู่ในภาพความกังวลเกี่ยวกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) หลังจากที่ตัวเลขเงินเฟ้อต่างๆ ของสหรัฐเดือน ม.ค. ชะลอตัวลงช้ากว่าที่ตลาดประเมินไว้ ขณะที่ตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ FED สามารถที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ต่อเนื่อง อีกทั้งเจ้าหน้าที่ FED หลายท่านยังออกมาสนับสนุนถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องเพื่อกดดันเงินเฟ้อระยะกลางลงสู่กรอบเป้าหมายที่ 2.00% โดย CME Fed Watch Tools บ่งชี้ตลาดคาดการณ์ FED จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.25% อีก 3 ครั้ง ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยสูงสุดอยู่ที่ระดับ 5.50% ในเดือน มิ.ย. มากกว่าที่ตลาดคาด และจะคงอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวไปจนถึงช่วงปลายปีนี้ คาดยังเป็นปัจจัยจำกัด Upside การฟื้นตัวของตลาดได้อยู่
ขณะที่ Dollar Index ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ในภาพระยะสั้นอีกครั้งอยู่ที่ระดับ 104.50 +/- แต่เริ่มชะลอกําลังลงบ้างแล้ว เช่นเดียวกันกับอัตราผลตอบแทนสหรัฐ (US-Bond Yield) ที่เริ่มชะลอกำลังลงบ้างเช่นกัน คาดจะเป็นปัจจัยช่วยลดทอนจิตวิทยาเชิงลบในแง่กระแสเงินทุนส่วนเกินไหลออกจากตลาดภูมิภาคได้บ้าง
ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน มี.ค. เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาปรับตัวลงปิดที่ระดับ 76.34 ดอลลาร์/บาร์เรล -2.15 ดอลลาร์ หรือ -2.74% โดยได้รับแรงกดดันจากความกังวล FED ปรับขึ้น ดอกเบี้ยเช่นกัน ซึ่งคาดจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงกระตุ้นความกังวลอุปสงค์น้ำมันในสหรัฐอ่อนแอ รวมทั้งการเตรียมระบายน้ำมันจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) ของสหรัฐเพิ่มอีก 26 ล้านบาร์เรลในช่วง เดือน เม.ย. – มิ.ย. นี้ คาดจะเป็นปัจจัยกดดันทิศทางหุ้นในกลุ่มพลังงานอ่อนตัวลงถ่วงตลาดได้อยู่
สําหรับปัจจัยในประเทศ เรามีความผิดหวังต่อการรายงานตัวเลข GDP 4Q65 ของไทยที่ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้มาก โดยขยายตัวเพียง 1.4% YoY และหดตัว 1.5% QoQ ผิดจากที่ตลาดคาดว่าจะขยายตัว 3.6% YoY และ 0.6% QoQ ทําให้ GDP ทั้งปี’65 ขยายตัวเพียง 2.6% ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ระดับ 3.2% ผลจากภาคการส่งออกสินค้า ซึ่งถือเป็นเครื่องยนต์สําคัญของเศรษฐกิจไทยในช่วง 4Q′65 หดตัวกว่า 10.5% อีกทั้งยังมีการปรับประมาณการ GDP’66 ลดเหนือ 2.7-3.7% จากก่อนหน้าคาดที่ระดับ 3.0-4.0% คาดจะเป็นปัจจัยกระตุ้นแรง ขายทำกำไรของนักลงทุนต่างชาติได้ต่อเพิ่มเติม จากการรายงานผลประกอบการ 4Q’65 ของหุ้นไทยในหลาย Sector ที่ส่วนใหญ่ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด คาดจะกดดันทิศทาง EPS ของตลาดในปีนี้ลดลงได้บ้าง เป็นปัจจัย กดดัน-จำกัด Upside ของตลาดหุ้นไทยได้อยู่ อย่างไรก็ตาม เราแนะนำทยอยซื้อสะสมหุ้นในบางกลุ่มที่ถึงแม้ผล ประกอบการออกมาแย่กว่าคาด แต่มีโอกาสฟื้นตัวขึ้นได้ต่อในปีนี้อาทิ 1.) หุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า (GPSC, BGRIM และ GULF) และ 2). หุ้นในกลุ่มธนาคาร (KBANK, BBL และ SCB) 3.) กลุ่มปิโตรเคมี (SCC, PTTGC และ IVL) เรามองราคาอ่อนตัวลงรับรู้การรายงานผลประกอบการ 4Q’65 ไปบ้างแล้วในระดับหนึ่ง ในส่วนของสัปดาห์นี้เราแนะนำติดตามการประกาศผลประกอบการ 4Q’65 ของหุ้นในกลุ่มค้าปลีก (MAKRO, BJC, CPALL, DOHOME และ HMPRO) โดยเรายังคงคาดหวังการฟื้นตัวขึ้นได้จาก 3Q′65 ตามยอด SSSG ในช่วง 4Q’65 ที่เริ่มฟื้นตัวขึ้น คาดจะเป็นปัจจัยช่วยผ่อนคลายกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของตลาดหุ้นไทยได้บ้าง
ธีมการลงทุน “Selective Play”
หุ้นแนะนำวันนี้ “SCC”
กลยุทธ์ แนวรับ 337.00 / 335.00 Target 352.00 / 362.00 Stop <335.00