ความกังวล 1,645-1,665

มุมมองตลาดหุ้นวันนี้

  • คาดดัชนี SET แกว่งตัวอิงทางลง: ตลาดถูกกดดันจากภาพความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่รุนแรงขึ้นระหว่างสหรัฐฯ กับจีนสืบ เนื่องจาก 1) ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯกับจีนเพิ่มมากขึ้น จากการที่รัฐมนตรีทั้งสองประเทศพบปะกันในการประชุมด้านความมั่นคงมิวนิก และ 2) การเดินทางเยือนกรุงเคียฟเพื่อแสดงการสนับสนุนของสหรัฐต่อยูเครนของโจ ไบเดน ในทางกลับกัน หวัง อี้มีกำหนดการเยือนรัสเซียในสัปดาห์นี้ นอกจากนี้ คาดตลาดยังคงเผชิญแรงขายต่างชาติอย่างต่อเนื่อง จากความแตกต่างของอัตราผลตอบแทนระหว่างตลาดการเงินในฝั่งตะวันตกและภูมิภาคเอเชีย โดยข้อมูลของ Bloomberg พบว่ากองทุนต่างประเทศกลับมาขายสุทธิพันธบัตรของจีน 106.5 พันล้านหยวนในเดือนม.ค. ขณะที่ด้านตลาดการเงินของไทยพบว่าต่างชาติขายสุทธิสะสม (Ytd) ทั้งในตลาดหุ้น อนุพันธ์ และตราสารหนี้ ส่วนปัจจัยในประเทศคาดเป็นแรงพยุงตลาดได้บ้าง แม้ตลาดจะมีความกังวลต่อ NPL ที่คาดเพิ่มขึ้นในปีนี้ แต่ธปท.เผยอยู่ระหว่างพิจารณาต่ออายุ บ.ช่วยเหลือลูกหนี้ หลังค่าครองชีพสูงและดอกเบี้ยขาขึ้น ส่วนปัจจัยติดตาม ได้แก่ การรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตของยุโรปและสหรัฐฯ เดือนม.ค.ในวันนี้ โดยในฝั่งสหรัฐฯ หากตัวเลขดังกล่าวปรับตัวดีขึ้น อาจเป็นปัจจัยหนุนต่อการเดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ขณะที่ด้านยุโรป ECB ส่งสัญญาณชัดเจนตั้งแต่การประชุมครั้งก่อนในการขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.5% ในการประชุมครั้งถัดไป ดังนั้นหากตัวเลขดังกล่าวออกมาดี คาดเป็นสัญญาณดีต่อศก.ยุโรป
  • กลยุทธ์ลงทุน: 1) ศก.ไทยฟื้น+Spending+ท่องเที่ยว: BBL, BCP, CRC, FORTH, ICHI, KTC, PRM, PTTGC, SABINA, SCB, SNNP, SHR, TIPCO 2) ปันผลเด่น: AP, TISCO และ 3) Defensive: ADVANC, BH, BDMS, EKH, INTUCH, PR9

ปัจจัยบวก

  • SCB EIC ปรับเพิ่มประมาณการนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 66 จาก 28.3 ล้านคน มาอยู่ที่ 30 ล้านคน จากการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนและนักท่องเที่ยวชาติอื่นที่ฟื้นตัวดีขึ้น
  • ททท.เผยความต้องการเดินทางมาไทยของนักท่องเที่ยว UK เพิ่มขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด โดยสถิตินักท่องเที่ยวจาก UK เข้าไทยในเดือนม.ค. 66 คิดเป็น 78% เมื่อเทียบกับม.ค. 62
  • ธปท.เผยอยู่ระหว่างพิจารณาต่ออายุ บ.ช่วยเหลือลูกหนี้ ทั้งบ. สินเชื่อเพื่อการฟื้นฟูที่ได้ปรับเปลี่ยนเป็นสินเชื่อเพื่อการปรับตัว โดยจะสามารถขยายต่อไปได้อีก 1 ปี และบ.พักทรัพย์ พักหนี้ ซึ่งทั้ง 2 มาตรการจะหมดอายุในวันที่ 9 เม.ย.66

ปัจจัยลบ

  • เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เผย ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับจีน เพิ่มมากขึ้น หลังจากแอนโทนี บลินเกน ได้พบปะกับหวัง อี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับบอลลูนของจีนที่บินเหนือน่านฟ้าสหรัฐฯ และท่าทีของจีนในการหยิบยื่นความช่วยเหลือให้กับรัสเซีย
  • รอยเตอร์เผยผู้ตอบแบบสอบถามจากบริษัทจัดหางาน ระบุประชาชนตอบแบบสอบถามในจีนรู้สึกไม่มั่นคงและ อาจตกงานในปีนี้เพิ่มขึ้นจาก 39.8% ในปีที่แล้ว 47.3%
  • DIHK เผยสงครามยูเครนจะสร้างความเสียหายให้ศก. เยอรมนีประมาณ 1.6 แสนล้านยูโร หรือประมาณ 4% ของ GDP จากการสูญเสียการสร้างมูลค่าภายในสิ้นปีนี้

PICKS OF THE DAY

AP BUY

  • เป้าหมาย 13.00/13.50 แนวรับ 11.80/12.10
  • รอประกาศงบหวังปันผลงาม: งบปี 65 ประกาศงบ 21 ก.พ. นี้ คาดกำไรโตจ่ายปันผลสูง Dev yield เฉลี่ย 5.4% ต่อปี มองว่าปีนี้ยังโตต่อ เน้นสัดส่วนกลุ่ม Luxury เพิ่มมากขึ้น ไม่กลัว supply ปีนี้เพิ่ม เพราะมีการขยายพอร์ตตาม ยังคงเปิดตัวแนวราบ  สูงสุดในอุตฯ หวังกินส่วนแบ่งการตลาดเพิ่ม ส่วนคอนโดมั่นใจความต้องการเพิ่ม จากการจราจรกลับมาติดขัด ค่าครองชีพสูงขึ้น มั่นใจ AP ยังโตได้ต่อ
  • PE 6.7 เท่า: PE ต่ำและกลุ่มอสังหาฯช่วงนี้ยังคงแข็งกว่าตลาดฯ เนื่องจากรอประกาศงบออกมาดีและปันผลเด่น

TISCO BUY

  • เป้าหมาย 104.00/107.00 แนวรับ 96.50/98.50
  • ปันผลเด่น: คาดว่า TISCO จะประกาศจ่ายปันผลจากผลประกอบการปี 65 7.60 บาท/หุ้น ซึ่งคิดเป็น Div. yield สูงถึง 7.5% โดยจะประกาศจ่ายประมาณสิ้นเดือน ก.พ. และขึ้น XD ประมาณปลายเดือน เม.ย.
  • ฟื้นตัวต่อในปีนี้: สินเชื่อของ TISCO ใน 2H65 เริ่มกลับมาเติบโตหลังจากหดตัวต่อเนื่องมานาน และคาดว่าในปี 66 ด้วยยอดขายรถยนต์ที่น่าจะเติบโตขึ้น รวมไปถึงการไปเน้นปล่อยสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่มากขึ้น รวมไปถึงการรุกตลาดสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจะทำให้สินเชื่อเติบโตได้ต่อในปีนี้

 

 

- Advertisement -