บล.บัวหลวง:

Thai Union Group (TU TB/TU.BK)

TU – กำไรหลักดีกว่าคาด; คาดกำไรไตรมาส 1/66 เติบโต YoY

กําไรสุทธิตรงกับที่เราคาด แต่กำไรหลักดีกว่าคาด

TU รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/65 ที่ 1.24 พันล้านบาท ลดลง 36% YoY และ 51% QoQ หากไม่รวมรายการพิเศษในไตรมาส 4/65 ได้แก่ ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 468 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่า ยุติธรรมของหุ้นบุริมสิทธิของเรด ล็อบเตอร์ 300 ล้านบาท กำไรหลักอยู่ที่ 2 พันล้านบาท เติบโต 7% YoY แต่ลดลง 2% QoQ กำไรสุทธิตรงกับที่เราคาด แต่กำไรหลักดีกว่าที่เราคาด 16% เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ ต่ำกว่าคาด และการพลิกกลับไปเป็นเครดิตภาษี ยอดขายเป็นไปตามที่เราคาด อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 17.3% เป็นไปตามคาดเช่นกัน ขณะที่ส่วนแบ่งขาดทุนจากเรด ล็อบเตอร์มากกว่าที่เราคาด 6%

ประเด็นสําคัญจากผลประกอบการ

กําไรหลักที่เติบโต YoY หนุนมาจากยอดขายที่สูงขึ้น (จากราคาขายที่เพิ่มขึ้น และการเติบโตของอุปสงค์ต่อสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงและอาหารทะเลแปรรูป) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารในส่วนของค่าขนส่งคาดลดลงราว 320 ล้านบาทในไตรมาส 4/65 และค่าใช้จ่ายด้านการขายและโปรโมชั่นที่ลดลง รวมถึง การพลิกกลับไปเป็นเครดิตภาษี ซึ่งกลบอัตรากําไรขั้นต้นที่ลดลง และส่วนแบ่งขาดทุน RL ที่เพิ่มขึ้น (ไม่รวมการปรับมูลค่าบัญชีสัญญาเช่า) ส่วนแบ่ง ขาดทุนจาก RL ในไตรมาสนี้อยู่ที่ 344 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 134% YoY และ 2% QoQ ยอดขายรวมเติบโต 3% YOY หนุนจากธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง (เติบโต 34% YoY) และอาหารทะเลแปรรูป (เติบโต 13% YoY) กลบยอดขาย อาหารทะเลแช่แข็ง (ลดลง 13% YoY)

ยอดขายอาหารทะเลแช่แข็งลดลง YoY จากฐานที่สูงในปีก่อน ยอดขายอาหารสัตว์เลี้ยงเติบโตอย่างก้าวกระโดด YoY หนุนมาจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง ราคาขายที่สูงขึ้น การเปลี่ยนสัดส่วนสินค้าในยอดขายรวม และการได้ลูกค้าราย ใหม่ๆ ในขณะที่ยอดขายอาหารทะเลแปรรูปปรับตัวขึ้น YoY ซึ่งหนุนมาจากราคาขายที่สูงขึ้นและอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในตลาดหลัก โดยเฉพาะในเอเชียและสหรัฐ อัตรากําไรขั้นต้นสําหรับธุรกิจอาหารทะเลแปรรูปลดลงจาก 22.7% ใน ไตรมาส 4/64 เหลือ 21.2% ในไตรมาส 4/65 ขณะที่ของธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งลดลงจาก 11.7% เหลือ 8.8% และธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงเพิ่มขึ้นจาก 22.5% ไปเป็น 23.3% ในไตรมาส 4/65

แนวโน้ม

เราคาดกำไรหลักไตรมาส 1/66 ที่ 1.9 พันล้านบาท เติบโต 11% YoY (อัตรากําไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง เทียบกับฐานที่ต่ำในไตรมาส 1/64 และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ลดลงจากค่าระวางเรือที่ลดลง) แต่ลดลง 5% QoQ (จากปัจจัยทางฤดูกาล) บริษัทให้เป้าหมายปี 2566 โดยมีการเติบโตของยอดขาย 5-6% (เทียบกับที่ทำได้ 10.3% ในปี 2565) อัตรากําไรขั้นต้นที่ 18-18.5% (เทียบกับ 17.6% ในปี 2565) สัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายที่ 11-12% (เทียบกับ 12.3% ในปี 2565) อัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอีก 0.5-1% งบลงทุนที่ 6-6.5 พันล้านบาท (เทียบกับ 5.3 พันล้านบาทในปี 2565) และส่วนแบ่งขาดทุนจาก RL (ไม่รวมปรับมูลค่าบัญชีสัญญาเช่า) ที่ราว 600 ล้านบาท (เทียบกับขาดทุน 1.2 พันล้านบาทในปี 2565) อ้างอิงจากประมาณการอัตราการเติบโตของยอดขายของเราที่ 5% อัตรากำไรขั้นต้นที่ 17.7% สัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายที่ 12% ส่วนแบ่งขาดทุน RL ที่ 610 ล้านบาทในปี 2566 และส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยที่ติดลบมากขึ้นในปี 2566 (ไปเป็นติดลบ 1.23 พันล้านบาท)

จากการลดสัดส่วนการถือหุ้นใน ITC ลงไปเหลือ 77.8% เราคาดกำไรหลักปี 2566 จะเพิ่มขึ้น 3% ทั้งนี้ เรามองว่ายังคงมีอัพไซด์ต่อประมาณการอัตรากำไรขั้นต้นปี 2566 (เทียบกับเป้าของบริษัทที่ 18-18.5%)

สิ่งที่เปลี่ยนแปลง

เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ไว้เท่าเดิม

คำแนะนำ

เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” อ้างอิงจากกำไรปี 2566 ที่ยังคงแข็งแกร่ง หนุนจากกำไรที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงต้นทุนค่าระวางเรือที่ลดลง และส่วนแบ่งขาดทุน RL ที่ลดลง

- Advertisement -