การเลือกตั้งหนุนตลาดหุ้นไทย ลุ้นทดสอบแนวต้าน 1680

ตลาดหุ้นวานนี้… SET Index ปิดที่ 1,668.63 จุด เพิ่มขึ้น 10.94 จุด (+0.66%) มูลค่าการซื้อขาย 66,040.25 ล้านบาท ปรับตัวดีกว่าตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค ตอบรับข่าวนายกรัฐมนตรีระบุว่าการยุบสภาจะเกิดขึ้นในช่วงต้นเดือนมี.ค.

แนวโน้มตลาดวันนี้… รับโมเมนตัมบวกจากความคืบหน้าด้านการเลือกตั้ง ซึ่งโดยสถิติตลาดหุ้นมักพุ่งในช่วง 3 เดือนก่อนการเลือกตั้ง หลังนายกฯ ยอมรับว่ามีความเป็นไปได้ที่จะยุบสภาต้นมี.ค.นี้ เพื่อให้เป็นไปตามกำหนดวัน เลือกตั้งตามมติ กกต. ที่ได้ประกาศไว้ภายในวันที่ 7 พ.ค.56 ซึ่งเราประเมินว่าความกังวลของตลาดในเรื่องการจัดทำงบประมาณปี 67 ประเมินว่าจะไม่กระทบ ซึ่งปัจจุบัน นายกฯ ได้มอบนโยบาย-หน่วยงานส่งคำของบถึงสำนักงบฯแล้ว และอยู่ในระหว่างการจัดทำรายละเอียดงบประมาณ ทั้งนี้หากมีการยุบสภาเกิดขึ้น ก็จะต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ภายใน 45-60 วัน และ กกต. จะต้องประกาศกําหนดวันเลือกตั้งทั่วไป ภายใน 5 วัน

ในเชิงกลยุทธ์ เป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นไทย จากความชัดเจนทางการเมืองในประเทศ และความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ และคาดหวังการเปิดเผยนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของแต่ละพรรคการเมือง ซึ่งอาจเป็นบวกต่อบริษัทจดทะเบียนไทย หนุนให้ fund flow ไหลเข้าตลาดหุ้นไทยมากขึ้น เราชอบหุ้น Big cap. (BBL KBANK CPALL ADVANC CBG) และกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเลือกตั้ง (SIRI SC STEC PR9 PLANB TKS) ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศยังมีความเสี่ยงการปรับฐาน หลังตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงมาเกือบ 700 จุด จาก US bond yield ดีดตัวขึ้นทำนิวไฮในรอบ 3 เดือน และ dollar index ที่ปรับตัวขึ้น กดดันการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งได้รับผลกระทบจากความกังวลว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นเวลานานขึ้น เพื่อสกัดเงินเฟ้อสู่ระดับสูงสุดที่ 5.25-5.50% และตรึงอัตราดอกเบี้ยเอาไว้ที่ระดับดังกล่าว ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนธ.ค. ทั้งนี้ติดตามรายงานการประชุมเฟด (รอบ 31 ม.ค.-1 ก.พ.) และดัชนี PCE ม.ค. เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยตลาดคาดขยายตัว 0.4%MoM เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนที่ +0.3%MoM หากออกมาตามคาดจะท้อนภาพเงินเฟ้อที่ยังขยายตัวอยู่

กลยุทธ์การลงทุน … ประเมิน SET Index แกว่งตัว sideway แนะนำ Trading ในกรอบ 1660-1680 โดย Selective buy กลุ่มที่ downside risk ที่จํากัด

1. BANK-ประกัน BBL KBANK KTB KKP TISCO BLA

2. Domestic play BJC CPALL MAKRO DOHOME

3. หุ้นรับประโยชน์จากการเลือกตั้ง BBL KBANK CPALL ADVANC CBG SIRI SC STEC PR9 PLANB TKS

4. Anti-commodity SCC SCGP SCCC TASCO CBG

เคาะไป คุยไป OR

  • ภาพรวมธุรกิจปี 66 มีมุมมองดีขึ้น ทั้งจากฝั่งของ mobility และ lifestyle เนื่องจากนโยบายการเปิดประเทศคงมีเสถียรภาพมากขึ้น ส่งผลให้พฤติกรรมผู้บริโภคเข้าสู่สภาวะปกติ ซึ่งการจับจ่ายใช้สอย และการเดินทางภายในประเทศที่จะกลับสู่ระดับปกติ จะดันให้ปริมาณขายน้ำมันเร่งตัวกลับสู่ระดับค่าเฉลี่ยก่อนช่วงโรคระบาด อีกทั้งตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติยังคงเพิ่มขึ้น จะช่วยกระตุ้นกิจกรรมการท่องเที่ยวและปริมาณการใช้น้ำมันเจ็ทเพิ่มมากขึ้น โดยผู้บริหารมองว่าราคาน้ำมันปัจจุบันอยู่ในภาวะที่มีเสถียรภาพและจะหนุนให้ปริมาณการใช้น้ำมันภายในประเทศปี 66 เติบโตได้ 3-4% แม้ว่าสัดส่วนการใช้นํ้ามันแทนก๊าซธรรมชาติจะลดลง
  • แผนการขยาย Point of sales ปี 66 คงแผนขยาย café amazon 400 สาขา (ภายในประเทศ) 112 (ต่างประเทศ), ปั๊มใหม่ 122 ปั้ม (ภายในประเทศ) และ 82 สาขา (ต่างประเทศ), ศูนย์ซ่อม FIT auto 18 สาขา, 500 จุด ชาร์จรถไฟฟ้าตามสถานี PTT ขณะที่แผนการลงทุน CAPEX ปี 66 (22% EV and ptt station, 45% food and bev outlets, 16% global, 17% innovation)
  • คงคําแนะนําชื้อ ที่ราคา 28.25 บาท อิง PE 24.6 เท่า

Global Markets

(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดร่วงลงเกือบ 700 จุด จากนักลงทุนกังวลว่า ข้อมูลที่บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของกิจกรรมทางธุรกิจในสหรัฐจะผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นเวลานานขึ้นเพื่อสกัดเงินเฟ้อ นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทค้าปลีก และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ จากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งได้กระตุ้นการคาดการณ์ที่ว่าอัตราดอกเบี้ยจะปรับตัวขึ้นต่อไป

(-) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดลบเนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน

(-) สัญญาทองคำตลาด COMEX ปิดลบจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเป็นปัจจัยกดดันตลาด

- Advertisement -