บล.ฟิลลิป:

พีทีที โกลบอล เคมิคอล – PTTGC

คาดปี 2566 พลิกกลับมากำไร

Key Point

คาดผลการดำเนินงานปี 2566 จะพลิกกลับมาเป็นกำไร โดยหลักคาดว่ายังมาจากธุรกิจโรงกลั่นเนื่องจาก 1) ในปี 2566 โรงกลั่นไม่มีแผนปิดซ่อมบำรุง ทำให้สามารถใช้กำลังการผลิตได้เต็มที่ ประกอบกับคาดว่าผลขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยงจะลดลง 2) คาดว่าส่วนต่างราคา HDPE/PP มี downside ที่ค่อนข้างจำกัด และคาดว่าสัดส่วนการใช้อีเทนจะเพิ่มขึ้นในช่วง 2H66 ทางฝ่ายยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาพื้นฐาน 62 บาท

คาดผลการดำเนินงานปี 2566 พลิกกลับมากำไร

ทางฝ่ายคาดผลการดำเนินงานปี 2566 จะพลิกกลับกำไรอยู่ที่ 13,044 ลบ. โดยคาดว่าผลการดำเนินงานยังคงมาจากธุรกิจโรงกลั่นเป็นหลัก เนื่องจากในปี 2566 ไม่มีแผนการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่น ส่งผลให้คาดว่าจะสามารถใช้อัตรากำลังการผลิตได้เต็มที่ และคาดว่าผลขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยงมีแนวโน้มที่จะลดลง เนื่องจาก PTTGC จะเปลี่ยนรูปแบบการเข้าทำ hedging เป็นการทยอยเปิดสถานะมากขึ้น จากเดิมที่จะเปิดสถานะป้องกันความเสี่ยงในปริมาณที่ค่อนข้างสูง และเข้าทำล่วงหน้าค่อนข้างนาน ประกอบกับส่วนต่างราคาระหว่างน้ำมันสำเร็จรูป และน้ำมันดิบที่ได้แรงหนุนจากการกลับมาเปิดประเทศของจีน โดยเฉพาะน้ำมันอากาศยานที่อุปสงค์ยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าก่อนเกิด COVID นอกจากนี้ในช่วง 1H66 ยังเป็นช่วงที่โรงกลั่นทั่วโลก และในภูมิภาคปิดซ่อมบำรุงกันค่อนข้างมาก แต่ราคาน้ำมันสำเร็จรูปยังคงมีความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย และปริมาณการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปของจีนในปี 2566 ที่ยังคงอยู่ในระดับสูงโดยเฉพาะน้ำมันดีเซล

คาดธุรกิจปิโตรเคมีเริ่มฟื้นตัว

ทางฝ่ายคาดธุรกิจปิโตรเคมีจะเริ่มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์สายโอเลฟินส์ที่ส่วนต่างราคา HDPE-Naphtha และ PP-Naphtha อยู่ในระดับใกล้เคียงกับระดับต่ำในช่วงปี 2555 ขณะที่อุปทานส่วนเพิ่มในปี 2566 มีการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลง y-y ประกอบกับอุปสงค์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากการเปิดประเทศของจีน ทำให้คาดว่าส่วนต่างราคาของ HDPE/PP มี downside ที่จำกัด นอกจากนี้คาดว่า Olefin intake ของ PTTGC จะมีสัดส่วนการใช้อีเทนกลับมาอยู่ในระดับราว 40% ในช่วง 2H66 (ปี 2565 อยู่ที่ 38%) จากการเร่งกำลังการผลิตก๊าซในอ่าวมากขึ้น ส่วนผลิตภัณฑ์สายอะโรมาติกคาดว่าส่วนต่างราคาจะทรงตัว y-y เนื่องจากอุปสงค์ที่มีแนวโน้มฟื้นตัวมากขึ้น แต่คาดว่าจะถูกหักล้างจากกำลังการผลิตใหม่ที่เข้ามาค่อนข้างมาก

ปรับราคาพื้นฐานปี 2566 ขึ้นมาอยู่ที่ 62 บาท

ทางฝ่ายปรับราคาพื้นฐานปี 2566 ขึ้นมาอยู่ที่ 62 บาท อ้างอิง PBV 0.93x (ค่าเฉลี่ย 5 ปี) ซึ่งในปัจจุบันราคาหุ้นซื้อขายอยู่ที่เพียง 0.75% คิดเป็นระดับ -0.7SD และยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”

ความเสี่ยง

  1. การเปลี่ยนแปลงของส่วนต่างราคาปิโตรเคมี
  2. การเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมัน
  3. การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบของภาครัฐ
- Advertisement -