Our View? “ถูกที่ผิดเวลา ยังไงก็ยังไม่ใช่”
คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1,655 / 1,650 และแนวต้านที่บริเวณ 1,670 / 1,678 คาดตลาดอาจยังคงได้รับ Sentiment เชิงลบจากตลาดต่างประเทศได้ต่อ หลังเมื่อคืนนี้ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) เปิดเผยรายงานการประชุม FOMC รอบเดือน ก.พ. ที่ผ่านมาระบุ FED ยังคงมีความมุ่งมั่นในการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป จนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 2.00% โดยที่ตลาดแรงงานยังคงอยู่ในภาวะตึงตัวอย่างมาก และแม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะมีสัญญาณบ่งชี้ว่าชะลอตัวลง แต่ก็ยังไม่มากพอที่ทำให้ FED ปรับเปลี่ยนนโยบายทางการเงิน โดย CME FED Watch Tools ยังคงบ่งชี้ตลาดคาด FED มีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.25% อีก 3 ครั้ง จนอัตราดอกเบี้ยขึ้นแตะระดับ 5.50% ในช่วงเดือน มิ.ย. และจะคงอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวไปจนถึงช่วงสิ้นปี ส่งผลให้ทิศทาง Dollar Index ปรับตัวขึ้นอีกครั้งล่าสุดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 104.5 พยายามขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ สะท้อนภาวะ Risk-off ของตลาด คาดจะกดดันทิศทางตลาดในภูมิภาคได้ อย่างไรก็ตาม แนะนำติดตามการรายงานตัวเลขดัชนีราคาจากรายจ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือน ม.ค. ในช่วงสุดสัปดาห์อีกครั้ง คาดจะส่งผลให้ตลาดผันผวนได้ต่อ
ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน พ.ค. เมื่อคืนนี้ปรับตัวลงแรง -2.41 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 73.95 ดอลลาร์/บาร์เรล -3.16% จากความกังวลเกี่ยวกับการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องของ FED คาดจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลง และส่งผลต่อความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐ คาดจะกดดันทิศทางราคาพลังงาน-หุ้นในกลุ่มพลังงานถ่วงตลาดได้
สำหรับปัจจัยในประเทศเรายังคงมีความกังวลต่อทิศทางกระแสเงินทุนต่างชาติที่ขายสุทธิหุ้นไทยต่อเนื่อง ตามกลับมาอ่อนค่าของค่าเงินบาทในระยะสั้น รวมทั้งการรายงานผลประกอบการ 4Q′65 ของตลาดหุ้นไทยที่ส่วนใหญ่ออกมาแย่กว่าที่ตลาดคาดไว้ คาดจะกดดันทิศทาง EPS ของตลาดในปีนี้ลดลง เป็นปัจจัยกดดัน-จำกัด Upside ของตลาดหุ้นไทยได้อยู่ โดยในเดือน ก.พ. นี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทยไปกว่า 2.97 หมื่นล้านบาท และทำธุรกรรมฝั่ง Short SET50 Index Futures ไปกว่า 7.2 หมื่นสัญญา คาดจะเป็นปัจจัยหลักกดดันทิศทางตลาดหุ้นไทยได้อยู่ อย่างไรก็ตาม เราแนะนำทยอยซื้อสะสมหุ้นในบางกลุ่ม ที่ถึงแม้ผลประกอบการออกมาแย่กว่าคาด แต่มีโอกาสฟื้นตัวขึ้นได้ต่อในปีนี้ อาทิ 1.) หุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า (GPSC, BGRIM และ GULF) และ 2). หุ้นในกลุ่มธนาคาร (KBANK, BBL และ SCB) 3.) กลุ่มปิโตรเคมี (SCC, PTTGC และ IVL) เรามองราคาอ่อนตัวลงรับรู้การรายงานผลประกอบการ 4Q′65 ไปบ้างแล้วในระดับหนึ่ง รวมทั้งเรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อการที่นายกฯ ส่งสัญญาณถึงการยุบสภาฯ ในช่วงเดือน มี.ค. เพื่อเตรียมพร้อมในการเลือกตั้งใหญ่ก่อนวันที่ 7 พ.ค. คาดจะกระตุ้นแรงเก็งกำไรในหุ้นในธีม Election Play อาทิ STEC, CK, SEAFCO, MAKRO, CPALL, BJC และ TKS
ธีมการลงทุน “Selective Play”
หุ้นแนะนําวันนี้ “CPALL”
กลยุทธ์ แนวรับ 66.00 / 65.00 Target 70.00 / 73.50 Stop <63.75